ความสัมพันธ์

ในความเป็นมนุษย์เราต่างมีปฏิสัมพันธ์กัน พร้อมกันนั้นความสัมพันธ์ก็สร้างทั้งทุกข์และสุขให้แก่เรา เรามักให้อภัยคนอื่นได้ง่ายกว่าให้อภัยคนในครอบครัว และเราเจ็บช้ำกว่าเมื่อถูกทำร้ายโดยคนใกล้ตัว ความสัมพันธ์ที่เข้าอกเข้าใจทั้งตัวเราและผู้อื่นจึงเป็นช่องทางเข้าถึงความสุขในระยะยาวได้จนถึงบั้นปลายของชีวิต
เครื่องมือสำคัญชิ้นหนึ่งสำหรับดูแลความสัมพันธ์คือทักษะการฟัง วางความคิด คำแนะนำ คำตอบของเราลงก่อน เปิดหูและเปิดใจฟัง ฟังคำพูด ฟังน้ำเสียง ฟังท่าทาง ฟังการนิ่งเงียบ เผื่อว่าเราอาจจะได้ยินสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกมา นี่คือเคล็ดลับหนึ่งของความสุขจากความสัมพันธ์

3 เทคนิค ฟังให้ Deeeeeeep

 

ฟังอย่างผ่อนคลาย

 

เมื่อจะฟังใครพูด ตั้งสติให้ดี เราจะฟังเท่านั้น ไม่ขัด ไม่ถาม ไม่แทรก ไม่เออออ ไม่ยุยงส่งเสริม ฟังให้เขาพูดจนจบ เมื่อให้เรารับรู้ข้อความทั้งหมดอย่างแท้จริง และสังเกตตัวเองด้วยว่า เรารู้สึกอย่างไร เรามีปฏิกริยาอย่างไร เช่น มือสั่น เราไม่ชอบ ไม่พอใจ หรือโกรธ หายใจเข้าออกลึกๆ รับรู้ตัวของเรา และฟังต่อไป

 

อ่านต่อ

 

 

เยียวยาผู้ต้องขังหญิงด้วยการสื่อสารอย่างสันติ

“เวลาที่เราไปทำงานในคุก เราเห็นถึงความกรุณาของเขา ถึงแม้สังคมจะตัดสินเขาแบบโน้นแบบนี้ก็ตาม  จากประสบการณ์ตรงของเรา เราเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีจิตวิญญาณที่มีทั้งความเมตตากรุณา ความกระจ่าง ความเชื่อมโยงกับสรรพสิ่งต่างๆ  แต่อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราไปกลบสิ่งต่างๆเหล่านี้ แล้วการที่เราเข้าไปทำงานกับผู้ต้องขังก็เพื่อไปเอาสิ่งพวกนี้ออกเพื่อให้เขาเห็นจิตวิญญาณที่มันมีความเต็มอยู่ในตัวของเขาอยู่แล้ว” กัญญา ลิขนสุทธิ์ หรือ คุณหลิ่ง หญิงวัยกลางคนผู้พลิกผันชีวิตจากอดีตมนุษย์เงินเดือนทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันที่ Silicon Valley สู่นักสื่อสารเพื่อสานสัมพันธ์ หรือ Nonviolent Communication

ถนนแห่งความสุขของ Life Coach

ชีวิตทุกคนล้วนต้องการก้าวเดินไปสู่จุดหมายปลายทางที่ฝันไว้ แต่เรามักจะเจอทางแยกหลากหลายเส้นทางจนบางครั้งเดินอ้อมไปไกล หรือหลงทางไปสู่จุดหมายที่ไม่ได้ใฝ่ฝันจนความสุขในชีวิตลดลงเรื่อยๆ กลายเป็นคนที่ตื่นเช้าไปทำงานด้วยความซังกะตายไปวันๆ เพราะขาดแรงบันดาลใจที่จะก้าวไปสู่ปลายทางที่เคยฝันไว้   คุณทัศนีย์ จารุสมบัติหรือ โค้ชอ้อม หญิงวัยห้าสิบเก้าปีคนนี้เคยเป็นคนหนึ่งที่เดินวกวนอยู่บนเส้นทางที่ “ไม่ใช่ความสุข” มากว่าครึ่งชีวิต  จนวันหนึ่งตัดสินใจหยุดเดินไปบนถนนสายเดิมด้วยการลาออกจากงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อมาเป็นแม่บ้าน ระหว่างที่ “หยุดพัก” เธอจึงเริ่มมองเห็น “ทางเลือกใหม่” ให้ลองก้าวเดิน จนได้ค้นพบความสุขที่ตามหามาเนิ่นนานด้วยอาชีพ “Life Coach”

ปลูกรัก…ปลูกตัวตนให้เติบโต

คุณรู้หรือไม่ว่า จิตของมนุษย์มีดีเอ็นเอที่สามารถถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่งได้โดยที่คุณไม่รู้ตัว จนกลายเป็น “แบบแผน”ของบุคลิกหรือการเลี้ยงดูที่ถูกส่งต่อจากคนรุ่นก่อนสู่คนปัจจุบัน และบางเรื่องอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่เป็นปัญหาโดยที่คุณไม่รู้จะเริ่มแก้ไขได้อย่างไรจนกว่าจะมีคนถอดรหัสพฤติกรรมดังกล่าวเพื่อให้คุณค้นพบต้นตอที่แท้จริงของปัญหา ทำให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองไปสู่ชีวิตที่มีความสุขมากยิ่งขึ้น  ดร.พงษธร ตันติฤทธิศักดิ์ หรือ คุณเอ๋ นักจัดกระบวนการเรียนรู้ (กระบวนกร) และอาจารย์อภิฤดี พานทอง หรือ คุณกิ๊ก นักจิตวิทยา ทั้งคู่ร่วมก่อตั้งบริษัทปลูกรัก องค์กรซึ่งทำหน้าที่พัฒนาระดับจิตให้กับผู้คนมายาวนานกว่าสิบปีบอกเล่าถึงดีเอ็นเอของจิตมนุษย์ให้ฟังอย่างน่าสนใจว่า

ธนัญธร เปรมใจชื่น…รับฟังด้วยหัวใจ

“เราจะพบโจทย์เรื่องความสัมพันธ์ได้ในมนุษย์เกือบทุกคน ทั้งมิติของการงาน ครอบครัว คนรัก ลูก แต่คนมักมองไม่เห็นว่าต้นตอของปัญหามาจากไหน เวลาครอบครัวมีปัญหา เขากลับชี้ไปที่คนนั้น เรื่องนั้น ซึ่งบางทีมันเกี่ยวข้องกับภายในของเขาที่มีทัศนคติจำกัดในการเชื่อมต่อกับผู้คน มันก็เลยส่งผลกระทบในมิติที่หลากหลาย เราเป็นคนเชื่อเรื่องกระบวนการที่ทำให้เขาเห็นตนเอง มันจะไปเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์รอบตัวของเขา แล้วจะแผ่ขยายไปสู่สังคม” ธนัญธร เปรมใจชื่น หรือ อาจารย์น้อง กระบวนกร (วิทยากรกระบวนการ)

ครูณา…สร้างสายใยรักในครอบครัวด้วยโรงเรียนพ่อแม่

“ที่นี่บ้านผม คุณนั่นแหละออกไปจากบ้านนี้”  เสียงสามีท้าทายภรรยาหลังจากทะเลาะกันถี่ขึ้นทุกวัน  แม่ลูกสองเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าด้วยน้ำตานองหน้า   พาลูกชายสองคนขับรถออกจากบ้านจังหวัดนครสวรรค์ไปจนถึงอยุธยา นั่งร้องไห้ระบายความเสียใจพร้อมกับคำถามมากมายผุดขึ้นในใจ เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงที่คนรอบข้างต่างยกย่องว่าประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างเธอ? อดีตวิศวกรการสื่อสารผู้มีอนาคตไกลแต่ตัดสินใจลาออกเพื่อกลับมาเปิดโรงเรียนสอนเสริมแห่งแรกในจังหวัดบ้านเกิดจนประสบความสำเร็จมีสาขาถึงสามแห่ง

ชัยฤทธิ์ อิ่มเจริญ ผู้ส่งมอบ “ฟาร์มสุข” ผ่านไอศกรีม

เมื่อเอ่ยถึง “ไอศกรีม” หรือ “ไอติม”  ทุกคนคงนึกถึงความสุขและรอยยิ้มระหว่างการลิ้มรสความหวานเย็นชื่นใจ ไอศกรีมจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขของมนุษย์อย่างหนึ่ง ยิ่งสำหรับเด็กๆ แล้ว ไอศกรีมแสนอร่อยยี่ห้อดังย่อมเป็นที่ปรารถนาให้ได้สัมผัสที่ปลายลิ้นยิ่งนัก ตามปกติ เวลาใครอยากเลี้ยงเด็กตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ  คนส่วนใหญ่มักนึกถึงไอติมกะทิสดสีขาวถังใหญ่เพราะราคาเหมาะสมกับการเลี้ยงเด็กจำนวนมาก เด็กๆ จึงได้กินไอติมสีขาวโพลนหวานมันกันจนชินลิ้น ลองคิดดูว่า ถ้าวันหนึ่งมี “ใครสักคน” ลงมือทำไอศกรีมที่ผลิตด้วยวัตถุดิบชั้นดี พร้อมท็อปปิ้งแบบจัดเต็มเหมือนร้านไอศกรีมชื่อดังไปแจกเด็กเหล่านี้ แววตาของเด็กน้อยจะมีความสุขมากเพียงใดยามปลายลิ้นได้สัมผัสรสชาติที่แตกต่างออกไปจากเดิม

ความสุขประเทศไทย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save