
การภาวนา
การภาวนาไม่ได้หมายถึงการหลับตาทำสมาธิ หรือการเดินจงกรมเท่านั้น การภาวนาคือการพากายกับใจมาอยู่ด้วยกัน คุณสามารถภาวนาได้เสมอ ทุกที่ ทุกเวลา คุณจะอนุญาตให้ตัวเองมีเวลาจิบกาแฟเงียบๆ สัก 10 นาทีได้ไหม ภาวนากับถ้วยกาแฟ ที่ไหนก็ได้ อาจจะนั่งเงียบๆ ตรงไหนสักแห่งตามลมหายใจไปพร้อมกับรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น รับรู้ความรู้สึกภายใน รับรู้เสียงภายนอก ปราศจากการต่อสู้และเปลี่ยนแปลง เหล่านี้คือการภาวนา
ลองกลับมารับรู้สิ่งที่เป็นอยู่ทั้งในตัวและนอกตัว คุณอาจจะพบว่าคุณกำลังคิดวุ่นวาย กำลังรู้สึกหงุดหงิด ไม่นิ่งเลย เมื่อคุณรับรู้ ยอมรับ และยิ้มได้ คุณกำลังพบความสุขจากการภาวนา
ความสุขจากการภาวนา
สมถะภาวนาและวิปัสสนา
ภาวนา แปลว่า การเจริญ การอบรม การทำให้มีให้เป็นขึ้น หมายถึง การทำจิตใจให้สงบและทำปัญญาให้เกิดขึ้น ด้วยการฝึกฝนอบรมจิตไปตามแบบที่ท่านกำหนดไว้ ซึ่งเรียกชื่อไปต่างๆ เช่น การบำเพ็ญกรรมฐาน การทำสมาธิ การเจริญภาวนา การเจริญจิตภาวนา ภาวนา ในทางปฏิบัติท่านแบ่งไว้ 2 แบบใหญ่ๆ คือ 1.สมถะภาวนา
สมาธิการเดินทางครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต : สมาธิเพื่อการตื่นรู้อันผ่องพิสุทธิ์
องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันที่ 6 สิงหาคมของทุกปีเป็น “วันสมาธิโลก” นับได้ว่าการทำสมาธิ (Meditation) เป็นภูมิปัญญาของชาวพุทธซึ่งเผยแผ่ไปทั่วโลกได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูง โดยชาวอเมริกันและผู้คนภาคพื้นทางยุโรปให้ความนิยมยิ่งขึ้นทุกขณะ หลังจากที่พบว่า ช่วยแก้ปัญหาความเครียด อาการนอนไม่หลับ ลดความเจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ลงอย่างน่าอัศจรรย์
การสวดมนต์ภาวนา : หนทางแห่งการเข้าถึงพระนิพพาน
ครั้งพุทธกาล ก่อนที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระอานนท์ได้ทูลถามว่าผู้ใดจะเป็นตัวแทนหลังจากทรงปรินิพพานแล้ว พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า “…ธรรม… หรือสิ่งที่เราได้สอนไว้ จะเป็นตัวแทนของเรา” แล้วยังได้ตรัส แก่พระวักกลิอีกว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา” “การสวดมนต์ภาวนา” จึงนับว่าได้กุศลขั้นสูงอย่างยิ่ง เนื่องจาก ได้อ่าน ท่องและศึกษาธรรมจากพระองค์และพระอริยะสาวก ฉะนั้น การสวดมนต์โดยใช้พระสูตรที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนจนเป็นเหตุทำให้เกิดพระพุทธศาสนาาขึ้นมา เกิดพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ
นิเวศภาวนา : สู่การเดินทางแห่งจิตวิญญาณ
ท่ามกลางป่าคอนกรีตที่แวดล้อมด้วยเทคโนโลยี่ล้ำสมัย และเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสารพัด แต่ความจริงก็คือ หลายต่อหลายชีวิตตกอยู่ในความว่างเปล่า เหงาเศร้า ใช้ชีวิตอย่างไร้คุณค่า ไร้จุดหมาย ไร้แรงบันดาลใจ พวกเราเสพสิ่งเร้าต่างๆทางการบันเทิงเริงรมย์ เพื่อชดเชยความเครียดความเซ็งอย่างสิ้นหวัง ทั้งๆที่การมีชีวิตอย่างมีคุณค่าคือสิ่งสุดปรารถนาระดับจิตวิญาณ (Soul) บิล พล็อตคิน (Bill Plotkin) นักจิตวิทยาเชิงธรรมชาติ ได้กล่าวว่า ความทุกข์ของผู้ทุกข์มักมีเหตุจากชีวิตที่ห่างหายจากธรรมชาติ ธรรมชาติคือความปรารถนาทางจิตวิญญาณมนุษย์
เดินวิถีแห่งสติ : ทุกก้าวย่างอย่างตื่นรู้
เราควรฝึกสติทุกๆ วันและทุกๆ ชั่วโมง ประโยคนี้ดูจะพูดง่าย แต่ตอนปฏิบัติจริงไม่ใช่ของง่ายเลย ด้วยเหตุนี้ครูจึงเสนอแนะผู้ที่มาเรียนฝึกสมาธิกับครูว่า ให้หาวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์ เพื่ออุทิศให้กับการฝึกสติทั้งวันโดยเฉพาะ – ท่านติช นัท ฮันห์ (จากหนังสือ “ปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ”) “การเดิน” คือ วิถีแห่งสติ ซึ่งไม่ใช่การเดินเร็วๆ หรือเร่งรีบ แต่เป็นการเดินช้าๆอย่างมั่นคง เดินอย่างมีสติมีสมาธิ
Sand Mandala : มณฑลทรายแห่งสัจจธรรม
งานศิลป์รูปทรงเรขาคณิต ที่ประกอบด้วยเม็ดทรายย้อมหลากสี สิ่งนี้คืองานพุทธศิลป์ที่เรียกขานกันว่า “พุทธมณฑลทราย” (Sand Mandala) อันเป็นศิลปวัฒนธรรมขั้นสูงของพระทิเบต นิกายมหายานคำว่า Manda หมายถึงที่นั่งหรือแก่นแท้ โดยใช่คู่กับคำว่า โพธิ อันหมายถึงใต้ต้นโพธิซึ่งพระพุทธเจ้าทรงบรรลุธรรม ส่วนคำว่า La มีความหมายว่า “วงล้อที่หลอมรวมสรรพสาระทั้งมวล” รวมความแล้ว Mandala จึงหมายถึง