
ความสัมพันธ์
ในความสัมพันธ์นั้นมีทั้งทุกข์และสุข คุณอาจพบว่าการให้อภัยคนอื่นทำได้ง่ายกว่าให้อภัยคนใกล้ตัว และคุณอาจเจ็บช้ำใจได้มากกว่าจากคนที่คุณรัก การมีความสัมพันธ์ที่เข้าอกเข้าใจทั้งตัวเองและผู้อื่นจึงเป็นโอกาสเข้าถึงความสุขตลอดช่วงชีวิต
เครื่องมือสำคัญชิ้นหนึ่งสำหรับดูแลความสัมพันธ์คือทักษะการฟัง วางความคิด คำแนะนำ และคำตอบในใจลงก่อน เปิดหูและเปิดใจฟัง ฟังคำพูด ฟังน้ำเสียง ฟังท่าทาง ฟังการนิ่งเงียบ แล้วเราจะได้ยินสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกมา นี่คือเคล็ดลับหนึ่งของความสุขจากความสัมพันธ์
สื่อสารอย่างสันติ เริ่มจากเข้าใจตัวเอง
ในขณะที่คุณเพิ่งกลับบ้านมาเหนื่อยๆ กลับมาเห็นน้องสาวของคุณกำลังนอนดูคลิป ขนมและข้าวของวางกระจัดกระจาย คุณเซ็งสุดๆ เลยพูดไปว่า “แกนี่ วันๆ จะไม่ทำอะไรเลยใช่ม่ะ เอาแต่ติ่งเกาหลี” น้องหันขวับ ตาเขียวปั้ด แล้วพายุน้อยๆ ก็เริ่มขึ้น… แต่ถ้าคุณได้รู้จักศาสตร์หนึ่งที่ชื่อ ‘การสื่อสารอย่างสันติ’ (Nonviolent Communication : NVC)
ฟังด้วยใจไขชีวิต
‘ชีวิตบางครั้งต้องใช้ความกล้าที่จะพูด แต่ต้องใช้ความกล้ามากกว่าที่จะฟัง’ ธรรมชาติสร้างมนุษย์ให้มีสองหูเพื่อฟังและหนึ่งปากเพื่อพูด เป็นสมดุลที่ถูกจัดสรรไว้อย่างลงตัว นักฟังบอยด์ คุณ กิตติชัย วิชัยดิษฐ วิศวรหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักฟังเชิงลึก มาเล่าประสบการณ์ที่ได้ออกไปฟังผู้คน ทุกเพศ ทุกวัย หลากหลายอาชีพถึง 10,000 ชั่วโมง จนเข้าถึงแก่นของการ ‘ฟังด้วยใจ’ ในที่สุด
การสื่อสารอย่างสันติ : นำสู่กัลยาณมิตร
ที่ใดมีคนมากกว่า 1 คนขึ้นไปย่อมยากที่จะไม่มีความขัดแย้ง คำถามจึงไม่ใช่จะทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดความขัดแย้งใดๆเลย แต่ปัญหาคือ จะบริหารจัดการกับความขัดแย้งอย่างไรจึงจะสร้างสรรค์สันติและก่อเกิดเป็นกัลยาณมิตร ความมีเมตตา มีสัมมาทิฐิ ย่อมนำมาซึ่งสติและมีใจที่เป็นกลาง คลายความยึดมั่นถือมั่นและเข้าใจผู้อื่นอย่างกระจ่างแจ้งยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นจะทำให้ความขัดแย้งไม่ใช่ความน่ากลัว แต่หาก ปฎิสัมพันธ์ของคู่กรณีอัดแน่นไปด้วยอคติ และทิฐินั่นก็ย่อมทำให้ความขุ่นเคืองชิงชัง ความรุนแรงขยายยิ่งขึ้นอย่างยากจะเยียวยา ความขัดแย้งตั้งแต่ระดับ คู่รัก ครอบครัว กระทั่งประเทศชาติ หากไม่ได้รับการแก้ปัญหาที่ถูกต้องก็ย่อมแผ่ขยายลุกลามบานปลายไปอย่างน่ากลัว
ชุมชนนิเวศน์ : สถานพักผ่อนแห่งจิตวิญญาณ
โลกยุคดิจิตอล… ผู้คนส่วนใหญ่หลงใหลไปกับแสงสีเสียง เทคโนโลยี่ และวัฒนธรรมโซเชียลมีเดีย กระทั่งหลงลืมไปแล้ว่า ภูมิปัญญาชาวบ้าน คืออะไร ? ไม่เข้าใจเรื่องการจัดการทรัพยากรให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่น ในสิ่งที่ดูเหมือนจะรุดไปข้างหน้า ยังมีผู้คนอีกมิใช่น้อย ที่ไร้ความสุข ทั้งเหนื่อยทั้งเครียด ว้าเหว่อ้างว้าง เขาเหล่านั้นเริ่มใฝ่ฝันถึงชีวิตที่เรียบง่ายสงบเย็นดังเป็นมาแต่อดีต และยังคงอยู่แม้ปัจจุบัน ดังเช่นในชุมชนท้องถิ่นอันอบอุ่นไปด้วยความจริงใจไมตรี และนี่เองที่ยังผลให้ผู้คนทั้งต่างแดนและบ้านเรามุ่งสานฝัน สร้าง “วันที่เคยชื่น
Deep Listening : ฟังกันอย่างเมตตากรุณา
ปัญหาใหญ่ของมนุษย์ทุกวันนี้ก็คือ “ไม่มีใครฟังใคร” ทุกคนล้วนแย่งกันพูด ถึงแม้จะฟังก็ฟังแบบแกนๆผ่านๆ หูซ้ายทะลุหูขวา ไม่มีใครใจเย็นพอที่จะฟังใครอย่างลึกซึ้งเพื่อความเข้าใจอย่างแท้จริง ทั้งๆที่ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์ต่างก็ต้องการระบายความทุกข์ที่อัดอั้นเก็บกด และหวังว่าจะมีใครสักคนที่รับฟังเขาอย่างมีเมตตากรุณา โดยไม่ตำหนิติด่า และไม่ต้องยัดเยียดความคิดใดๆทั้งสิ้น
สุนทรียสนทนา : ชนะร่วมกันอย่างสมานฉันท์
แม้ว่า “การสนทนา” คือชีวิตประจำวันของผู้คนส่วนใหญ่ แต่หลายต่อหลายครั้งมันกลับไม่ได้เป็นไปอย่าง “สุนทรียะ” ซึ่งมักนำมาสู่ความขัดแย้งแตกคอ และแตกแยก หรือแม้แต่เกิดการห่างเหินเย็นชา รากเหง้าแห่งปัญหาก็คือ “ตัวตน” ที่ห่อหุ้มภายในใจของแต่ละคน เช่น การยึดมั่นถือมั่นในชนชั้น ฐานะ ตำแหน่ง วัยวุฒิ สังกัด หรือแม้แต่ความเชื่อส่วนบุคคล (ศาสนา การเมือง