
การทำงาน
บ่อยครั้งที่เราอาจจะรู้สึกว่าการงานทำให้เราเครียดและเบื่อหน่าย เราจะเข้าใกล้ความสุขได้ก็ต่อเมื่อถึงวันหยุดหรือได้ลาพักร้อน แต่แท้ที่จริงแล้วการงานคือคุณค่าที่เราสร้าง การทำงานเป็นรูปธรรมที่เรากำลังสร้างสรรค์ให้แก่โลก ถ้าเราได้เห็นว่างานของเรากำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ทำให้หลายชีวิตมีความสุขมากขึ้น เราก็จะกลับมาชื่นชมกับงานตรงหน้า และรู้ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิใจ โลกกำลังดีขึ้นเพราะงานที่เราทำ
เรามีความสุขได้ในขณะกำลังทำงาน ผ่อนลดความคิดความคาดหวังผลลัพธ์ มองเห็นความสนุกสนานในความท้าทาย มองเห็นความพยายามจากการจัดการกับอุปสรรค และชื่นชมตัวเองกับการเอาใจใส่ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ตรงหน้า
ความสุขจากการทำงาน

ลมหายใจแห่งความสุขของครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ
เมื่อเอ่ยชื่อครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีปและเจ้าของรางวัลแมกไซไซ สาขาบริการสาธารณะปี 2521 หลายคนคงนึกถึงผู้หญิงตัวเล็กแววตามุ่งมั่นกล้าต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวชุมชนแออัดหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “สลัมคลองเตย” ตลอดเวลากว่าห้าสิบปีที่ผ่านมา ผู้หญิงคนนี้ทำหน้าที่ “ครู” ทุกลมหายใจเข้าออก เฝ้ามองหาโอกาสทางการศึกษาที่ดีขึ้นให้กับเด็กด้อยโอกาสมากที่สุดของเมืองหลวง เพราะรอยยิ้มของเด็กๆ เป็นดั่งอากาศอันสดใสที่ทำให้ทุกเช้าวันใหม่เริ่มต้นด้วยความสุขและมีกำลังใจต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของคนด้อยโอกาสมาตลอดชีวิตของครูวัยกว่าหกสิบปีท่านนี “เราพยายามแสวงหาช่องทางที่จะช่วยบรรเทาปัญหาของผู้ยากไร้ อยากทำสิ่งที่ขาดหายไปจากสังคมไทย คือความเท่าเทียมกันในสังคม”

ความสุขจากการมองโลกด้วยหัวใจของ “ต่อพงศ์ เสลานนท์”
“พ่อแม่ที่มีลูกย่อมหวังจะได้พึ่งพิงยามแก่เฒ่า แต่ความหวังนี้ได้พังทลายลงหลังจากผมกลายเป็นคนตาบอด ผมรู้สึกกดดันเพราะไม่อยากเป็นภาระให้ครอบครัว และไม่อยากให้ทุกคนหมดหวัง มันเป็นจุดสะเทือนใจ แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้ผมมีจุดหมายว่าผมต้องกลับมาเป็นที่พึ่งของพ่อแม่และคนรอบข้างให้ได้” ต่อพงศ์ เสลานนท์ หรือ “เติ๊ด” บุตรชายคนสุดท้องของครอบครัวเสลานนท์บอกเล่าเหตุการณ์ที่พลิกผันชีวิตครั้งสำคัญจากเด็กหนุ่มตาดีสู่เด็กหนุ่มตาบอดในวัยเพียง 16 ปีจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเดือนมกราคมปี 2535 ในวันนั้นเขารู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในก้นบึ้งหุบเหวลึกที่มองไม่เห็นแสงสว่างจากขอบฟ้าส่องลงมาแม้เพียงนิดเดียว

เชฟเต้น…หญิงสาวผู้หลงรักขนมหวาน
จุดเริ่มต้น…สำหรับบางคนเพราะโอกาส แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างหากไม่มีความรัก และความพยายามจนถึงฝั่งฝัน เส้นทางเดินกว่าจะได้เป็นเชฟขนมหวานของทะเลจันทร์ บุณยรักษ์ หรือ “เต้น” อาจเริ่มต้นด้วยโอกาสที่ดีกว่าคนอีกหลายคน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเส้นทางสู่ความสำเร็จจะโปรยด้วยกลีบกุหลาบอันหอมหวานเสมอไป เพราะหากเธอไม่ได้มีหัวใจรักการทำขนมหวานจนหมดใจแล้ว เธอก็อาจไม่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของร้านขนมสไตล์ฝรั่งเศสที่หลายคนอยากแวะไปลิ้มลองมากที่สุดร้านหนึ่งในทุกวันนี้อย่างแน่นอน

ความสุขของการบริหารสื่อคุณภาพของ ดร.วิลาสินี พิพิธกุล
เมื่อเอ่ยถึงสื่อสาธารณะที่มีคุณภาพของสังคมไทย ชื่อ “ไทยพีบีเอส” จะต้องติดอยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ ที่ผู้ชมนึกถึงอย่างแน่นอน การก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้อำนวยการของ ดร.วิลาสินี พิพิธกุล เมื่อปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องท้าทายผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งมากทีเดียว ท่ามกลางความรับผิดชอบพนักงานนับพันคนและผู้ชมหลายสิบล้านคนทั่วประเทศ ผู้บริหารหญิงแววตาอ่อนโยนคนนี้นำพาองค์การสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ไปในทิศทางใด และเธอก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาได้อย่างไร เราจะพาคุณไปค้นหาคำตอบด้วยกัน “หนึ่งในวิสัยทัศน์ตอนสรรหาผู้บริหารสถานี คือ เราจะใช้หัวใจความเป็นมนุษย์ในการบริหารองค์กร มันอาจจะฟังดูเป็นนามธรรมสักหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็เป็นการแสดงเจตจำนงของเราว่า เรามุ่งมั่นเข้ามาเพื่อทำงานกับเขา

ก้าวย่างเพื่อชีวิตไร้สารพิษของปรกชล อู๋ทรัพย์
คุณรู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้มีทารกบางคนเกิดมาพร้อมกับสารเคมีจากยาฆ่าหญ้าตกค้างในขี้เทา หรืออุจจาระของทารกแรกคลอดที่สะสมตั้งแต่เป็นตัวอ่อนอายุสามเดือนและคนใกล้ตัวของเราต่างเป็นโรคมะเร็งกันมากขึ้นทุกวัน เพราะเราอยู่ท่ามกลางอาหารที่มีสารพิษรอบตัว และดูเหมือนเราจะหลีกเลี่ยงชีวิตที่เต็มไปด้วยสารพิษได้ยากเหลือเกิน ท่ามกลางปัญหาที่ดูยากจะแก้ไข ปรกชล อู๋ทรัพย์ หญิงสาวตัวเล็กผมซอยสั้นแววตามุ่งมั่นกลับมีความฝันอยากเห็นคนไทยห่างไกลจากสารพิษมากขึ้น เธอตัดสินใจเข้ามาทำงานรณรงค์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายของภาครัฐเพื่อชีวิตไร้สารพิษของคนไทยในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือไทยแพน (Thai-PAN)

อุ๊ มดงานตัวจิ๋วแต่แจ๋ว
ณ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ย้อนกลับไปเมื่อ 32 ปีก่อน เด็กหญิงกรองแก้ว ชัยอาคม หรือ อุ๊ ลืมตาดูโลกด้วยขนาดตัวใหญ่กว่าฝ่ามือเพียงนิดเดียว ด้วยขนาดตัวเล็กจิ๋ว หูได้ยินเสียงแผ่วเบา และเสียงเล็กแหลมเหมือนเด็กน้อย เธอจึงรู้สึกอายไม่กล้าคุยกับใครจนคนส่วนใหญ่คิดว่าเธอเป็นคนใบ้ เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเรียน เด็กหญิงตัวจิ๋วมักกลับถึงบ้านพร้อมคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนบนสองแก้ม เพราะถูกเพื่อนล้อเลียน แกล้งตีและผลักเป็นประจำจนกลายเป็นตัวตลกประจำห้อง แต่หากย่างเท้ากลับเข้าบ้านเมื่อไหร่