8 ช่องทางความสุข

ความสุขเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่

ชิงว่าพอเราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น พบความสุขที่เรียบง่าย นุ่มนวล เราก็จะอยากปกป้องดูแล พร้อมกันนั้นก็รู้สึกอ่อนน้อมด้วย ความรู้สึกว่า ‘ตัวเราเล็ก’ เป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ ฟังดูย้อนแย้งแต่เป็นเรื่องจริง

.

.

สาธิดา กฤชเทียมเมฆ (ชิงชิง) สาวนักวาดภาพ  เขียนหนังสือ และเป็นคนทำหนังสือ(ให้นิ้วกลม) และกำลังเตรียมเวิร์คช็อปชวนผู้คนเข้าใกล้ธรรมชาติให้มากขึ้นอีกหน่อย ในปีนี้— สุขในธรรมชาติแบบชิงชิงเป็นอย่างไร เหมือนหรือต่างจากเรามากน้อยแค่ไหนไปฟังกัน

“ถ้าถามว่าชอบธรรมชาติตั้งแต่ตอนไหนก็คงจะตอบไม่ถูก จะว่าไป ใครๆ ก็คงชอบธรรมชาติด้วยกันทั้งนั้น — เมื่อพูดถึงธรรมชาติพวกเราก็อาจจะนึกถึงทะเล ป่า ดอย นึกถึงการท่องเที่ยว หรือการใช้เวลาในช่วงวันหยุดได้ออกไปตั้งแค้มป์ เดินป่า ชิงชิงก็รักธรรมชาติประมาณนี้ คือถ้ามีเวลาก็ชอบไปตั้งแค้มป์ เดินเทรล ได้อยู่ในป่า ความรักธรรมชาติของเธอเปลี่ยนไปสู่อีกมิติหนึ่งเมื่อเธออยู่ในคอร์ส Nature Mentor ซึ่งจัดโดยมูลนิธิโลกสีเขียว เมื่อราวๆ 4-5 ปีก่อน”

.

“รู้สึกว่าคอร์ส Nature Mentor เปลี่ยนเราเยอะ เมื่อก่อนเราชอบธรรมชาติแบบ ว้าว สวยจัง ถ่ายรูป แล้วก็จบ ธรรมชาติก็อยู่ของมัน เราก็อยู่ของเรา แต่คอร์ส Nature Mentor พาให้เราเข้าไปใกล้ชิดกับธรรมชาติ เชื่อมโยงกับธรรมชาติ และเมื่อจบคอร์สแล้ว เรากับธรรมชาติก็ยังเชื่อมโยงกัน ไม่ได้ขาดหายจากกันไป — ไม่เหมือนไปเที่ยวที่พอจบแล้วก็แล้วกัน ทะเล ป่าอยู่ตรงนั้น แต่ตัวเรากลับมาอยู่ในเมือง — เมื่อจบคอร์ส Nature Mentor ทุกอย่างในคอร์สยังติดตัวมากับเรา เรารักธรรมชาติมากขึ้น  นอกจากรักก็ยังเคารพ อยากดูแล อยากปกป้อง เหมือนเรากับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นชีวิตเดียวกัน เป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้ง เป็นความรู้สึกที่แบบว่า… ‘เราเล็กนิดเดียว’ และเรายินดีน้อมตัวเข้าหาธรรมชาติซึ่งยิ่งใหญ่กว่าและรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน

.

ในคอร์สนั้นได้เจอพี่อ้อย (ดร.สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์) ได้เจอคุณหมอหม่อง (นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์) ได้เจอทีมงานหลายๆ คน ความรักธรรมชาติของพวกเขาเป็นการแสดงออกผ่านการปฏิบัติกับชีวิตอื่นๆ ชีวิตเล็กๆ ที่เราอาจจะไม่ค่อยได้สนใจ ไม่ค่อยได้ใส่ใจ แต่ในคอร์สนั้นสอนให้เราใส่ใจ สนใจ เปิดตัวเราเปิดประสาทสัมผัสของเราเข้าหาเขา สังเกตเขา ดูเขา ฟังเขา ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็นเพื่อนของเรา ไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตอื่นที่บังเอิญเจอกัน แต่มีความละเอียดอ่อน อ่อนโยน เราจะเห็นว่าทุกชีวิตในธรรมชาติ ‘เขามีชีวิตของเขา’ และเรากับเขาก็อยู่ด้วยกัน เราต้องการความสุข ความปลอดภัย ความมั่นคง เขาก็ต้องการความสุข ความปลอดภัย ความมั่นคงด้วย — เขากับเราไม่ต่างกัน เมื่อก่อนเวลาเห็นคลอง เราก็..อ้อ..คลอง สกปรกจัง แต่เดี๋ยวนี้เราจะมองว่า คลองนี้สกปรกจัง จะมีตัวอะไรอยู่บ้างนะ เขาจะอยู่ได้ไหม เขาจะโอเคหรือเปล่า เราจะดูแลเขาอย่างไรได้บ้างนะ — ความรู้สึกต่อคำว่า ‘รักธรรมชาติ’ เปลี่ยนไปมากจากอดีต”

.

มีความแตกต่างของ ความรู้ ความคิด ความรู้สึก ใช่ไหมคะ

            โดยปกติพวกเราก็รู้และเรียนกันมาแล้วเรื่องความสำคัญของธรรมชาติ เช่น น้ำมาจากป่า ปลาอยู่ในน้ำ อากาศมีไว้หายใจ ฯลฯ พวกเรารู้โดยความคิด แต่เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้รู้สึกจริงๆ หรอกว่าชีวิตของเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาตินะ เราอาศัยธรรมชาติมากเลย เราหลงเชื่อว่าเราอยู่ได้เพราะตัวของเรา เปิดก๊อกก็มีน้ำ อยากได้น้ำร้อนก็เสียบปลั๊กไฟ อยากอยู่ที่เย็นๆ ก็เปิดแอร์ ฯลฯ เราคิดว่าเราพึ่งตัวเองได้ แต่มันไม่จริง พอธรรมชาติเปลี่ยน มันกระทบกับเราโดยตรงและชัดเจนมาก อย่างเช่น ฝุ่น PM.2.5 ที่ทุกคนได้รับผลกระทบ ถ้าเราดูแลธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะดูแลเรา

.

            ในคอร์สเราจะได้ฝึกการสังเกต ฝึกเปิดประสาทสัมผัสของตัวเรา เช่น เสียงของนกที่ส่งเสียงตอนตีห้า กับเสียงนกตอนหกโมงเช้า และเจ็ดโมง มันเหมือนหรือต่างกัน — แค่เสียงนกเราก็รู้เลยว่า เราพลาดไปหลายอย่างเพราะปกติเราก็..เอ่อเสียงนก แล้วก็จบ ไม่เคยสังเกต บางทีเราไม่เคยได้ยินเสียงนกด้วยซ้ำ — ไม่เคยเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าที่ที่เราอยู่มีนกหลายชนิดนะ และนกแต่ละชนิดก็ไม่เหมือนกัน และถ้าตามไปดูในรายละเอียดก็จะพบว่า นกแต่ละชนิดก็มีธรรมชาติของเขาที่ไม่เหมือนกันอีก มันทำให้เราทึ่งในความหลากหลายของชีวิตต่างๆ ที่เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน และทำให้เรารักและอยากดูแล

.

การสังเกตนี้ไม่ต้องเป็นนกก็ได้ ถ้าได้ไปที่สวนสาธารณะ เราเคยอยู่กับต้นไม้สักต้นหนึ่งไหม อยู่กับต้นไม้นั้นจริงๆ ฟังเขา รับรู้เขา สังเกตเขา ไม่ต้องทำอะไรมากกว่านั้น แค่อยู่กับเขาตรงนั้นเท่านั้นก็พอ— สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างไม่เคยหยุดอยู่นิ่งๆ มีรายละเอียดและมหัศจรรย์— มันทำให้เราละเอียดอ่อน อ่อนโยน และมีความสุขกับสิ่งง่ายๆ ที่อยู่ตรงหน้า

.

ถ้าเป็นคนเมือง พักอยู่ในอพาร์ตเม้นต์หรือคอนโดมิเนียม ต้องทำงานทุกวัน ไม่ค่อยมีเวลา แต่อยากใกล้ชิดกับธรรมชาติบ้าง ชิงชิงจะแนะนำอย่างไร

อืมมม (คิด)…สิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดคงเป็นท้องฟ้า ลองมองท้องฟ้าสัก 5 นาที —

5 นาทีเลยเหรอ ?

(หัวเราะ) ต้องบอกว่า แค่ 5 นาทีเองเหรอ…เวลา 5 นาทีไม่นานนะคะ ไถมือถือแป๊บเดียวเอง ถ้าเราอยู่กับท้องฟ้าสัก 5 นาที เราวางความคิดต่างๆ ลง เราจะเห็นก้อนเมฆเคลื่อน จะเห็นว่าท้องฟ้ามีการเปลี่ยนแปลง เขาไม่ได้อยู่เฉยๆ นิ่งๆ — การมองท้องฟ้าในที่นี้ ไม่ใช่แค่เงยหน้ามองฟ้าแล้วก้มลงมามองมือถือนะคะ (อ้าว! ไม่ใช่เหรอ — ชิงชิงโดนแซว) ไม่ใช่ค่ะ (หัวเราะ) อย่างนั้นไม่เรียกว่า ‘อยู่กับท้องฟ้า’ คงเป็นแค่พักสายตาเฉยๆ ^^ การอยู่กับธรรมชาติคือ ให้เวลาตัวเราอยู่กับธรรมชาติ ให้โอกาสเราได้เชื่อมโยงกับธรรมชาติ มองเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ชิมรส รู้สึก รับรู้สิ่งที่ธรรมชาติเป็น เหมือนเราทำความรู้จักเพื่อนคนนึง เราจะเชื่อมโยงกับเค้าอย่างไร ถ้าเราไม่ใช้เวลาอยู่กับเค้าตรงนั้น เมื่อเรารู้จักเค้าแล้ว เชื่อว่าเราจะมีความรู้สึก ความคิดอะไรบางอย่างเกิดขึ้นค่ะ

.

ชิงชอบมองท้องฟ้าตอนเช้ามืด ตื่นขึ้นมาก็ออกไปดูท้องฟ้า จะเห็นเลยว่าพระจันทร์ไม่เคยเหมือนกันสักวัน บางวันพระจันทร์เสี้ยว บางวันพระจันทร์เต็มดวง บางทีก็ไม่มีพระจันทร์เลย มีแต่ดาว หรือบางวันไม่มีทั้งดาวทั้งพระจันทร์เพราะฟ้าปิด มีแต่เมฆเต็มไปหมดก็สวยแปลกตาไปอีกอย่าง และทั้งหมดนี้เรามีความสุขได้ มันไม่ใช่ว่าต้องมีดาวหรือมีพระจันทร์เราจึงจะมีความสุข การอยู่กับธรรมชาติ ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรเราก็มีความสุข แค่เขาอยู่ตรงนั้นก็ทำให้เรามีความสุขแล้ว แค่เขาปรากฏอยู่ตรงนั้น

.

ชิงชิงคิดอย่างไรในการออกไปสัมผัสกับป่า ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติ

เป็นโอกาสดีและพิเศษที่เราได้ออกไปอยู่ในธรรมชาติแบบนั้น แต่ในฐานะคนเมืองที่ไม่ค่อยมีเวลา เราก็หาวิธีใกล้ชิดธรรมชาติได้ทุกวัน มีความสุขเล็กๆ กับธรรมชาติใกล้ๆ ตัวเรา อาจจะหาต้นไม้สักต้นปลูกไว้ในห้องของเรา แล้วก็ให้เวลากับเขา สังเกตเขา ดูการเปลี่ยนแปลงของเขา เชิญชวนให้เปลี่ยนจากการอยู่ด้วยความคิด มาอยู่กับธรรมชาติตรงหน้าจริงๆ

.

ปัจจุบันพวกเราเหงามากขึ้น การเข้าหาธรรมชาติจะพาเรากลับไปรู้จักการเชื่อมโยงอีกครั้ง ชิงเติบโตมาในเมือง เข้าใจชีวิตที่อยู่ในคอนโด เปิดก๊อกก็มีน้ำไหล เสียบปลั๊กไฟก็ได้น้ำร้อน เราไม่ค่อยรู้สึกหรอก ว่าเราต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งอื่น แต่จริงๆ แล้วเราพึ่งพาอาศัยสิ่งอื่นๆ ถ้าไม่มีแดด เราคงขาดอาหาร เพราะพืชผักต้องการแดดในการงอกและเติบโต — พวกเรารู้สิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว แต่เรารู้ผ่านหัวสมอง อยากชวนให้พวกเรากลับมารู้ผ่านตัว หัวใจ และประสาทสัมผัสของเรา แล้วอยู่ตรงนั้นกับเขาจริงๆ

พอได้อยู่กับธรรมชาติ บางทีก็ไม่ค่อยอยากออกจากบ้าน ประหยัดเงินและลดการใช้พลังงาน แฟนชอบมาก (หัวเราะ) รู้สึกว่าได้อยู่ในสวนก็มีความสุขแล้ว — ช่วงนี้หน้าฝน บางทีจะได้เห็นลูกอ๊อด ซึ่งจริงๆ ก็เรียนมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าลูกอ๊อดโตอย่างไร และจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หางจะหดเข้า ขาจะออกมา เรารู้โดยทฤษฏี แต่การอยู่กับลูกอ๊อดจริงๆ ที่กำลังมีชีวิตเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันตื่นเต้นกว่ากันแยะ และให้ความสุขได้มาก โดยไม่เสียสตางค์เลย

.

ชิงว่าพอเราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น พบความสุขที่เรียบง่าย นุ่มนวล เราจะอยากปกป้องดูแล พร้อมกันนั้นก็รู้สึกอ่อนน้อมด้วย ความรู้สึกว่า ‘ตัวเราเล็ก’ เป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ ฟังดูย้อนแย้งแต่เป็นเรื่องจริง ^^

หวังว่าคนอ่านจะได้ไอเดียที่จะพาตัวเองให้เข้าใกล้ธรรมชาติ และได้ซึมซับความสุขเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่นะคะ และหากมีโอกาสลองไปร่วมเวิร์คช็อปกับชิงชิง ทีม Being Nature  รอฟังข่าวค่ะ

……………………………………………

การสัมผัสธรรมชาติ

8 ช่องทางความสุข

ความสุขประเทศไทย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save