4 หลักสำคัญ เพื่อ เที่ยวให้เป็น
การไปเที่ยว เป็นโอกาสของการพัก ได้ชาร์ตแบต เติมพลัง เปิดหูเปิดตา แต่จะเกิดผลลัพธ์อย่างนี้ได้ เราจะต้องเที่ยวให้เป็น เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ ‘หมดแรงหลังเที่ยว’ ‘หยุดเหมือนไม่ได้หยุด’ ‘กิจวัตรเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเหนื่อยกว่า’ — ถ้าเราเที่ยวเป็น เราจะเห็นโลกกว้าง เห็นตัวเองและเพื่อนมนุษย์ด้วยสายตาใหม่ๆ เราจะได้ชาร์ตพลัง
.
- การท่องเที่ยวในธรรมชาติเช่น การอาบป่า การเดินป่า แคมป์ดูดาว ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ กำลังเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากธรรมชาติเปรียบเสมือนยาที่มีสรรพคุณมากมาย ดีต่อสุขภาพกาย ฟื้นฟูสุขภาพจิต การท่องเที่ยวคือช่วงเวลาแห่งการพัก ผ่อนคลาย ลดความเครียด และเพิ่มพลังแห่งความสร้างสรรค์
- เมื่อได้ให้เวลาตัวเองเพื่ออยู่ในธรรมชาติ เราจะได้พลังจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ฟังเสียงของธรรมชาติ รับแสงแดด ความชื้น ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส ทำให้รู้สึกตื่นตัวและสดชื่น ลดความเครียดและวิตกกังวล ธรรมชาติยังเป็นแหล่งของออกซิเจนบริสุทธิ์ ซึ่งจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ ดีต่อปอดและระบบเลือด ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มพลังงานและความมีชีวิตชีวา
- เมื่อได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง ได้เห็นความงามของสิ่งน้อย คลื่นความถี่ในตัวของเราจะค่อยๆ ช้าลง ประสาทสัมผัสจะละเอียดขึ้น การรับรู้ต่างๆ จะดีขึ้น ไวมากขึ้น เกิดความสามารถที่จะมองเห็นสิ่งต่างๆ ต่างออกไปจากเดิม การรับรู้โลกและตนเองกว้างขึ้น อ่อนโยนมากขึ้น และมีความสุขง่ายขึ้น
…………………………………………………
เมื่อพวกเราได้พักร้อน มีวันหยุดยาว หรือได้เวลาออกเที่ยว ขอให้พวกเรารู้ว่านั่นคือโอกาสดีที่จะได้พัก ได้ชาร์ตแบต และนั่นคือเวลาแห่งการเยียวยา แต่การจะเกิดผลลัพธ์อย่างนั้นได้ เราจะต้องเที่ยวให้เป็น เที่ยวอย่างเท่าทันตัวเอง ไม่โลภ และรู้จักบันยะบันยัง เพราะไม่อย่างนั้นเราจะเจอภาวะ หมดแรงหลังเที่ยว พักเหมือนไม่ได้พัก พักแล้วเหนื่อยกว่าเดิม หรือกิจวัตรเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเหนื่อยกว่า เราจะเที่ยวอย่างไรให้การเที่ยวเป็นการ ‘เที่ยวด้วย พักด้วย’ ‘ได้เที่ยวและได้เยียวยา’ ดีต่อสุขภาพกายและดีต่อสุขภาพใจ
การท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสธรรมชาติเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก และไม่ยากเลยสำหรับคนไทย เพราะบ้านเมืองของเรามีธรรมชาติที่สวยงามอยู่เต็มไปหมด (ซึ่งพวกเราต้องช่วยกันถนอมรักษาเอาไว้นะ !) เรามีชายหาดที่สวยงามติดอันดับโลก มีผืนป่าที่เป็นมรดกโลก มีธรรมชาติ วัฒนธรรมที่คู่ควรต่อชื่นชมและถนอมรักษา ต่อไปนี้เราจะให้หลักการเพื่อการท่องเที่ยวในธรรมชาติแบบที่ได้ทั้งประโยชน์ทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขภาพจิตวิญญาณ
.
1.อนุญาตให้ตัวเองพัก
เวลาไปเที่ยว ขอให้อยู่กับธรรมชาติตรงหน้าอย่างแท้จริง ขอให้เราอนุญาตตัวเองให้เห็น และอยู่ในสถานที่ที่เรากำลังอยู่จริงๆ ถ้าเราอยู่ที่ทะเล หรือบนชายหาด อยู่ที่ตัวของเรารับพลังจากชายหาด และท้องทะเลอย่างเต็มที่ หากได้เดินในป่า ขอให้เราให้โอกาสตัวเองได้เห็นดอกหญ้า ใบไม้ และเสียงของป่า — หยุดการทำงานออนไลน์ หยุดท่องโลกเสมือนแต่ให้อยู่ในโลกจริงๆ อย่าให้โซเชียลมีเดียดึงคุณออกไปจากธรรมชาติและผู้คนตรงหน้า ตรงนี้
2.ดำรงอยู่ในธรรมชาติจริงๆ
หลักการข้อนี้สำคัญมากและไม่ยากเลย “ขอให้คุณได้อยู่ในธรรมชาติ ตรงนี้ จริงๆ” อย่าพลาด! เพราะหากพลาดก็คล้ายกับว่า คุณอยู่ทะเลแต่ไม่เห็นทะเล คุณอยู่ป่าแต่ไม่ได้สัมผัสป่า ขอให้เปิดประสาทสัมผัส รับรู้และอยู่ตรงนั้น จริงๆ (ตา หู จมูก ผิวกาย ใจ)
ถ้าได้เที่ยวทะเล ลองมองน้ำทะเล เห็นสีของน้ำทะเล เห็นสีของท้องฟ้า สีของชายหาด ได้เห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เช่นปูลม ได้เห็นตัวมันและเห็นชีวิตของมัน ถ้าได้เดินป่า ขอให้เห็นสีเขียวของใบไม้ ได้เห็นสีสัน ลวดลายและความบอบบางของกลีบดอกไม้เล็กๆ ข้างทาง ขอให้ดื่มด่ำกับภาพข้างหน้า — เพราะนี่คือความแตกต่างของการสัมผัสประสบการณ์ซึ่งต่างจากการดูคลิป หรือวีดีโอ — ขอให้ประทับภาพตรงหน้าด้วยตาก่อนการใช้กล้อง หรือมือถือ
ถ้าคุณได้ตั้งแค้มป์ดูดาว ลองฟังเสียงของค่ำคืน เสียงลม เสียงน้ำค้าง ถ้าตั้งแคมป์ในป่า ขอให้ได้ยินเสียงของป่าเมืองร้อนป่าในบ้านเราเต็มไปด้วยสรรพเสียง เสียงเรไร เสียงนก เสียงน้ำ ถ้าเราสงบเสียงภายในตัวของเราได้ เราจะได้ยินการทักทายอย่างอบอุ่นจากธรรมชาติ
ลองหาจังหวะที่จะดมกลิ่น ธรรมชาติแต่ละที่มี ‘กลิ่น’ ที่แตกต่างกัน กลิ่นทะเล กลิ่นป่า กลิ่นน้ำตก กลิ่นหมอก กลิ่นยามเช้า กลิ่นกล้วยไม้ ลองสังเกตและสัมผัสดูนะคะ
เมื่อได้หยุดอยู่ในชั่วขณะนั้น ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติตรงหน้า อย่าลืมหายใจเข้าลึกๆ ยิ้ม และบอกกับตัวเองว่า “โชคดี ช่างโชคดีที่มีโอกาสได้สัมผัส รับรู้ และดื่มด่ำ ณ ชั่วขณะนี้ นี่คือชั่วขณะอันล้ำค่า เป็นสุข และแสนอัศจรรย์”
3.ดำรงอยู่กับผู้คนรอบข้าง
ถ้าคุณไปเที่ยวเป็นหมู่คณะ อาจจะไปกับเพื่อน ไปเที่ยวกับแฟน หรือไปเที่ยวกับครอบครัว ขอให้เวลานี้เป็นเวลาที่คุณจะได้ยินเพื่อน ได้รู้จักเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ได้ยินแฟน ได้รู้จักลูก ได้ยินเสียงของลูก ได้ยินความสุข (หรือความทุกข์) ของภรรยาหรือสามี การเที่ยวด้วยกัน ใช้เวลาร่วมกันในครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่าเพื่อนของคุณชอบกินอะไร หรือไม่กินอะไร ได้ยินความปรารถนาลึกๆ ของเพื่อน ก่อนจบทริปคุณอาจจะลองคุยกันว่าครั้งนี้ ใครประทับใจอะไร ตรงไหน ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ลองแบ่งปันความรู้สึกของกันและกัน
ถ้าคุณไปเที่ยวคนเดียว อย่ามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับแผนการณ์ ขอให้มองใบหน้าของคนที่อยู่รอบๆ ตัวของคุณด้วย ขอให้เป็นโอกาสของการสัมผัสเพื่อนมนุษย์ ได้เห็นรอยยิ้ม เห็นน้ำใจ เห็นแววตา — สิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดของการเที่ยวไทยก็คือน้ำใจของคนไทยนี่เอง — อย่าลืมยิ้ม
4.ให้เวลากับตัวเอง
การได้ออกเดินทาง ได้ท่องเที่ยว อยู่กับเพื่อน อยู่กับครอบครัว ก็อย่าลืมตัวเอง ขอให้คุณมีเวลาพักสำหรับตัวเอง ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ (แม้จะเล็กๆ น้อยๆ) บางคนอาจจะได้แวะจิบกาแฟที่ชอบ บางคนได้ใช้เวลาถ่ายรูป บางคนมีเวลาได้อ่านหนังสือ บางคนอาจจะอยากเล่นเกมกับเพื่อน ฯลฯ
เวลาส่วนตัว อาจจะเป็นช่วงเช้าก่อนออกเดินทาง หรือเป็นช่วงค่ำเมื่อกลับที่พัก ลองนั่งเงียบๆ สักครู่ ทบทวน เมื่อจบทริปคุณน่าจะลองบันทึกว่า การเดินทางครั้งนี้คุณชอบอะไร คุณไม่ชอบอะไร คุณได้เห็นอะไรใหม่ๆ หรือคุณเห็นบางเรื่องในแง่มุมที่แปลกออกไป ฯลฯ
ขอให้คุณให้เวลาเล็กๆ น้อยๆ สำหรับตัวเองเพื่อฟังเสียงภายใน ที่อาจจะรอเวลาเพื่อสื่อสารกับคุณ และขณะนี้ คือเวลานั้น
ขอให้พวกเรามีความสุขในการท่องเที่ยว ได้สัมผัสธรรมชาติ ได้พัก ปัจจุบันประโยชน์ของการอยู่ในธรรมชาติได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากทั้งนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ โดยงานวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นว่าการอยู่ในธรรมชาติมีประโยชน์เหลือคณานับ ขอเพียงแต่ให้เราสัมผัสธรรมชาติให้เป็น ใช้เวลาให้เป็น เพื่อที่จะมีความสุข และกลายเป็นความสุขสำหรับทุกๆ คน
.
………………………………………………………………..
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
