เก็บแสงดาว
บางคนนั่งเฝ้าดาวทั้งคืนเพื่อจะเห็นดาวตกเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่เสี้ยววินาทีนั้นมีคุณค่ามากเก็บไปเล่าได้เป็นเดือนเป็นปี เพราะต้องรอคอย ได้เห็นสิ่งที่เห็นได้ยาก กะเกณฑ์ไม่ได้ มันล้ำค่าเพราะพวกเราคุ้นกับความง่าย รูปดาวในโซเชียลมีเยอะแยะ คลิกเมื่อไรก็เจอ แต่มันไม่เหมือนที่เราเห็นด้วยตาของเรา ถ้าอยู่ในห้องส่องมือถือ ก็จะเห็นแต่ของคนอื่นที่เขาเล่าให้ฟัง
.
- การดูดาวสำหรับนักวิทยาศาสตร์อาจจะหมายถึงการค้นคว้าที่น่าทึ่ง บางคนแหงนหน้ามองดาวเพื่อเชื่อมโยงตัวเองกับความกว้างใหญ่ของจักรวาล และสำหรับบางคนการดูดาวคือช่วงเวลาของการหลีกเร้นจากความวุ่นวายมาสู่อิสระภาพ
- ภาพถ่ายท้องฟ้ายามค่ำคืนนับล้านในโซเชียลมีเดียอาจจะดูสวยงาม แต่มันเทียบไม่ได้กับความสุขและตื่นเต้นหากเราได้เห็นความมหัศจรรย์ของดวงดาวด้วยตาตนเอง การเห็นดาวตกเพียงเสี้ยววินาทีจะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเรานานเป็นเดือน เป็นปี อย่างที่ภาพในโซเชียลทำให้ไม่ได้
- คนจำนวนไม่น้อยคิดว่าการถ่ายรูปทางช้างเผือก ถ่ายรูปดวงดาว ต้องมีเงินซื้อกล้องเจ๋งๆ หรือต้องไปต่างประเทศ ดังนั้นเมื่อมีคนบอกว่าแค่มีมือถือก็ถ่ายภาพดาวได้ ฝันนี้ไม่ไกลเกินเอื้อม
.
ความสุขประเทศไทยได้คุยกับหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม “ล่าดาวด้วยมือถือ” ซึ่งเป็นกลุ่มบนเฟสบุ๊กมีสมาชิก 1.3 แสนคน (ไม่ใช่กลุ่มเล็กๆ ง่อยๆ นะ ขอบอก) สมาชิกผู้ก่อตั้งคนหนึ่งกลุ่มนี้เป็นพระสงฆ์ ท่านใช้นามแฝงว่า อารยะ คชทีป ทีมงานของเราได้สนทนากับท่านถึงมุมมองในการดูดาวและถ่ายรูปดาวด้วยโทรศัพท์มือถือ เรามาฟังกันค่ะ https://www.facebook.com/groups/371037813468346
พระอาจารย์ดูดาวมานานหรือยังคะ
ชอบดูดาวตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ไม่ได้ดูเพื่อการศึกษาหรือสนใจดาราศาสตร์ ดูเพราะชอบอารมณ์เพลินๆ สบายๆ เป็นอิสระ อาตมาอยู่ที่เกาะช้าง จ.ตราด สมัยนั้นไม่มีไฟฟ้า วันที่ฟ้าใสก็จะเห็นทางช้างเผือกชัดมาก ชัดกว่าที่เห็นกันในยุคนี้อย่างเทียบกันไม่ได้เลย เมื่อบวชแล้วก็ยังชอบดูดาว ชอบดูท้องฟ้าตอนกลางคืน วันที่ฟ้าใสก็ปูเสื่อ นั่งสมาธิ หรือนอนดูดาว เป็นความสบายใจ จะเรียกว่าเป็นอารมณ์อิสระก็ได้
การดูดาว
ความสนใจตั้งต้นของคนดูดาวแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนที่รักในดาราศาสตร์ก็ค้นคว้า ดูแผนที่ดาว แต่อาตมาดูดาวเพราะชอบอารมณ์อิสระ ก็ดูไปเรื่อยๆ อยู่กับท้องฟ้าได้นานๆ บางคนดูดาวเพราะเห็นคนอื่นดู ดูสักพักก็เบื่อเพราะมันไม่ใช่ความสนใจ ไม่รู้จะทำไปทำไม ยิ่งสมัยนี้ก็ยิ่งเบื่อง่าย — สมัยก่อน เวลาไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน เราก็นั่งคุยกับเพื่อน อยู่ในวงเพื่อน บางทีเพื่อนคุยกันไป เราก็อาจจะนั่งดูดาว หรือใครอยากดูดาวก็ดูดาว ใครอยากคุยก็คุย ไม่ค่อยเจอความเบื่อ ตั้งแต่มีโทรศัพท์มือถือความเบื่อเกิดได้ง่ายมาก ทุกคนโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวถูกฝังอยู่ในจอ ดูดาวไปได้สักพักก็เบื่อ พอมีเสียงข้อความเข้าก็จะต้องเข้าไปในจอ หรือบางทีต่อให้ไม่มีอะไรก็ยังมีความรู้สึกว่าจะต้องเข้าไปดูจอ บางคนมาดูดาวด้วยเล่นเกมไปด้วย สุดท้ายก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะดูดาวอยู่ดี
ถ่ายรูปดวงดาวด้วยมือถือ
การถ่ายรูปดาวด้วยมือถือ เป็นกิจกรรมที่จะต้องหยุดเล่นโทรศัพท์ไปโดยปริยาย เพราะเขาต้องใช้โทรศัพท์ถ่ายดาว อาตมาพูดในบริบทที่มีมือถือเครื่องเดียวนะ (ฮา)
การถ่ายรูปดาวมันไม่ใช่การถ่ายรูปทั่วไป ไม่ใช่ยกมือถือขึ้นมาส่อง แล้วก็แชะ แต่การถ่ายรูปดาวอาศัยความรู้หลายเรื่องอย่างน้อยก็ต้องรู้ข้างขึ้นข้างแรม ฟ้าเปิด ฟ้าปิด บางคนนัดเพื่อนจะไปถ่ายรูปดาว ปรากฎว่าฟ้าสว่างจ้าเพราะเป็นข้างขึ้น ดังนั้นจะถ่ายรูปดาวก็ต้องรู้เรื่องดาราศาสตร์ระดับหนึ่งโดยเฉพาะการถ่ายภาพทางช้างเผือก เขาจะปรากฎเวลาไหน ทิศไหนพระจันทร์เป็นอย่างไร บริเวณที่เราอยู่มีแสงสว่างอย่างไร ทุกอย่างโยงถึงกัน
.
คนที่กลัวผี กลัวการอยู่คนเดียวก็ยากที่จะทำกิจกรรมนี้เพราะมันอาศัยความมืด ถ้าไม่มืดก็ไม่เห็นดาว ถ้ากลัวความมืดก็หมดสิทธิ์ นอกจากนี้ก็มีปัจจัยอื่นๆ เช่น ยุง แมลงกลางคืน ดังนั้นการจะดูดาว ถ่ายรูปดาวอาศัยใจรัก อาศัยความอดทน
อาตมาเป็นพระคุ้นเคยกับการอยู่คนเดียว ความเงียบ ความมืด ฯลฯ กิจกรรมอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับบางคนที่ไม่คุ้นเคย กิจกรรมนี้ก็ถือว่าเป็นการฝึกตัวเอง เพราะมันไม่ง่าย — การถ่ายรูปดวงดาว การทำคลิปดวงดาวใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง/คลิป อาศัยความอดทน — สมัยที่อาตมาถ่ายคลิปใหม่ๆ ไม่มี auto-remote ต้อง manual 3-4 ชั่วโมง ลองนึกดู แต่ถ้ามีใจรัก มีใจจดจ่อ รู้จักการภาวนา ใครๆ ก็ทำได้ อยู่ได้
.
.
ดูคลิปวีดีโอคลิกที่นี่
นอกจากได้รูปดาวแล้วได้อะไรอีกคะ
คนที่ทำบ่อยๆ จะพบว่าตัวเองจดจ่อดีขึ้น และเมื่อจดจ่อกับเรื่องเดียวนานๆ ก็เป็นธรรมดาที่จะลืมเรื่องอื่นๆ ไป เกิดเป็นความผ่อนคลาย กลับมาอยู่ในปัจจุบันขณะ อยู่กับเรื่องตรงหน้า วางเรื่องอื่นๆ ไปโดยปริยาย ความเหนื่อยล้าที่สะสมหายไป นั่นเป็นเหตุให้หลายคนหันมาสนใจกิจกรรมนี้มากขึ้น เพราะทำแล้วผ่อนคลาย จะเรียกว่าติด (addict) ก็ได้นะ
มีเรื่องหนึ่งที่อาตมารู้สึกประทับใจ คือมีชายคนหนึ่งอายุพอสมควร คล้ายกับไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย รู้สึกว่าชีวิตมันแย่มาก ไม่รู้ว่าเขาล้มละลายหรืออย่างไร เขาเจอกลุ่มของเราก็เลยติดต่อมา เขาสงสัยว่า “แค่โทรศัพท์ก็ถ่ายภาพทางช้างเผือกได้จริงๆ หรือ เพราะบางคนมีอุปกรณ์ราคาหลายแสนบาทยังถ่ายภาพไม่ได้เลย” เมื่อได้คุยจนมั่นใจ เขา ขอสตางค์พี่สาวซื้อโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง เก็บข้าวของใส่ถุงกระสอบสายรุ้ง แล้วใช้มอร์เตอร์ไซค์เก่าๆ โทรมๆ ของเขาตระเวณถ่ายรูปดาวตามอุทยานต่างๆ ในประเทศไทย กินอยู่ง่ายๆ กลายเป็นว่าเขาได้ท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ในราคาถูก ชายคนนี้เคยโพสต์ว่าเขาได้ชีวิตใหม่เพราะอาตมา มันทำให้อาตมารู้สึกทึ่ง แค่การถ่ายรูปดาวก็ทำให้คนที่หมดอาลัยตายอยาก คิดจะฆ่าตัวตายตั้งหลายครั้ง กลับมามีชีวิตใหม่ได้อย่างมีความสุข — ไม่น่าเชื่อนะ คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าการถ่ายรูปดาวเป็นกิจกรรมที่เอื้อมไม่ถึง แต่นั่นไม่จริง
การอยู่นิ่งๆ เพื่อจะถ่ายรูปดาว มีผลต่อความสงบมาก บางทีเราจะได้เห็นตัวเอง คนบางคนนั่งเฝ้าดาวทั้งคืนเพื่อจะเห็นดาวตกเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่เสี้ยววินาทีนั้นมีคุณค่ามาก เอาไปเล่าได้เป็นเดือนเป็นปี เพราะมันต้องรอคอย ได้เห็นสิ่งที่เห็นได้ยากและกะเกณฑ์ไม่ได้ — มันล้ำค่าเพราะพวกเราคุ้นกับความง่าย รูปดาวในโซเชียลมีเยอะแยะ คลิกเมื่อไรก็เจอ แต่มันไม่เหมือนประสบการณ์จริงๆ ของตัวเรา ไม่เหมือนกับรูปที่เราเห็นด้วยตาของเราถ่ายได้ด้วยฝีมือของเรา อะไรก็ตามที่ยาก ใช้ความอุตสาหะ ความเพียร ย่อมมีคุณค่าเสมอ ถ้าอยู่แต่ในห้องส่องมือถือก็จะเห็นแต่ของคนอื่นที่เขาเล่าให้ฟัง
การพาตัวเองออกไปในบรรยากาศจริง เราได้เห็นความเป็นจริงอย่างที่เป็นอยู่ อยากจะถ่ายรูปดาวแต่โลกของเราเต็มไปด้วยแสงไฟ เราจะได้รู้ว่าผู้คนรอบตัวกำลังคิดอะไร ธรรมชาติอยู่ในสภาวะไหน สิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้พวกเราหันมาช่วยกันกอบกู้ รักในธรรมชาติ
การดูดาวเหมือนการภาวนาไหมคะ
ไม่เหมือนหรอกแต่ก็สามารถนำไปสู่การเจริญภาวนาได้ (อาตมาพูดในมุมของพระ) ได้ความอิสระระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นความสุขที่ทุกคนควรจะได้สัมผัสในฐานะมนุษย์โลก — อาตมาเห็นว่าการดูดาว การถ่ายรูปดาวเป็นทางเลือกหนึ่งที่ใช้ได้ มันไม่ใช่ศาสนา เป็นการพาใจออกไปอยู่สภาวะที่ผ่อนคลาย เกิดการฉุกคิด ได้ทบทวนตัวเอง เห็นตัวเองมากขึ้น ยอมรับคนอื่นได้มากขึ้น แม้ว่ายังอยู่กับอารมณ์ของความสนุก อยากได้ภาพ แต่มันก็ได้ความผ่อนคลายระดับหนึ่งด้วย กลับมาอยู่กับสิ่งตรงหน้า จดจ่อ
แต่ถ้าไปไกลว่านั้น อารมณ์สนุกจะเปลี่ยนเป็นความสงบ อาจจะเกิดความเข้าใจในความจริงที่ว่า แท้ที่จริงแล้วเราไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลยในจักรวาลนี้ เล็กน้อยยิ่งกว่าฝุ่นละอองหากเทียบกับจักรวาล และถ้าไปไกลกว่านั้น พิจารณาลึกกว่านั้นก็จะเห็นความจริงอีกด้านหนึ่งว่า คือตัวเราช่างกว้างใหญ่ไพศาล ไร้ขอบเขต
มาถึงตรงนี้ คนที่อยู่ในเมืองคงอยากจะดูดาวบ้าง จะเป็นไปได้ไหมคะ
โอ้ย! ยาก — มันไม่มืด (ฮา) คงจะดูได้ในบางวัน ในกรุงเทพก็อาจจะสักปีละครั้ง หรือสองปีจึงจะมีสักครั้ง มันมีปัจจัยหลายอย่างที่เป็นอุปสรรค เช่นมลภาวะ และแสงสว่าง (คนเมืองหลวงกลายเป็นคนด้อยโอกาสได้เหมือนกันนะ — ฮา)
แสงเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดของการดูดาว แค่แสงไฟเล็กๆ ดวงเดียวก็กลบแสงดาวได้แล้ว แค่มีแสงไฟเล็กๆ ก็ถ่ายรูปทางช้างเผือกไม่ได้ แค่แสงจากโซลาร์เซลล์ก็ดับฝันคนถ่ายรูปดาว ดังนั้นปัจจุบันจึงมีเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด https://darksky.narit.or.th/ พยายามรักษาพื้นที่สำหรับการดูดาวและปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ มีกิจกรรมสนับสนุนให้คนมาสนใจดวงดาว ก็จะดีมาก กิจกรรมสนับสนุนให้คนหันมาสนใจดวงดาว ดูท้องฟ้าตอนกลางคืน การถ่ายรูปดาวด้วยอุปกรณ์ง่ายๆ จะกระตุ้นให้คนหันมาให้ความสนใจเรื่องนี้ แล้วความเข้าใจในมิติอื่นๆ ก็จะตามมา
เพียงกิจกรรมง่ายๆ เล็กๆ เช่นการนั่งดูดาว ถ่ายรูปดาว ดูท้องฟ้าตอนกลางคืน ก็สามารถที่จะมอบความสุขให้เราได้ในหลากหลายมิติ ทั้งความงาม ความรู้ ความผ่อนคลาย ความสงบ รวมถึงความจริงในทางโลกอันหลากหลาย ผู้ที่เชื่อว่าความสว่างคือความเจริญ เป็นความปลอดภัย ก็คงอยากติดไฟให้สว่าง คนอีกกลุ่มที่เห็นว่าความมืดคือโอกาสที่สุนทรียะและความงามจะได้เผยตัว ก็อยากจะสงวนความมืดเอาไว้ — คนสองกลุ่มนี้อยู่ร่วมกันได้เมื่อเราได้ยินกันและกัน ความสุขจากการดูดาว ถ่ายรูปดาว สามารถที่จะขยับไปเป็นความสุขอื่นๆ ได้เมื่อเข้าใจในความเชื่อมโยงถึงกันและกัน
…………………………………………….