เรื่องน่าสนใจ



ค้นพบเส้นทางของคุณด้วยตัวคุณเอง ดูแลใจและพัฒนาจิตในสไตล์ที่ใช่สำหรับคุณ

การสื่อสารอย่างสันติ : นำสู่กัลยาณมิตร

ที่ใดมีคนมากกว่า 1 คนขึ้นไปย่อมยากที่จะไม่มีความขัดแย้ง คำถามจึงไม่ใช่จะทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดความขัดแย้งใดๆเลย แต่ปัญหาคือ จะบริหารจัดการกับความขัดแย้งอย่างไรจึงจะสร้างสรรค์สันติและก่อเกิดเป็นกัลยาณมิตร ความมีเมตตา มีสัมมาทิฐิ ย่อมนำมาซึ่งสติและมีใจที่เป็นกลาง คลายความยึดมั่นถือมั่นและเข้าใจผู้อื่นอย่างกระจ่างแจ้งยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นจะทำให้ความขัดแย้งไม่ใช่ความน่ากลัว แต่หาก ปฎิสัมพันธ์ของคู่กรณีอัดแน่นไปด้วยอคติ และทิฐินั่นก็ย่อมทำให้ความขุ่นเคืองชิงชัง ความรุนแรงขยายยิ่งขึ้นอย่างยากจะเยียวยา ความขัดแย้งตั้งแต่ระดับ คู่รัก ครอบครัว กระทั่งประเทศชาติ หากไม่ได้รับการแก้ปัญหาที่ถูกต้องก็ย่อมแผ่ขยายลุกลามบานปลายไปอย่างน่ากลัว

ฝึกทักษะการจับประเด็น … เพื่อชีวิตที่ไม่หลงทาง

แม้มนุษย์จะได้ชื่อว่าเป็นสัตว์โลกที่ฉลาดล้ำลึกที่สุด แต่ต้องยอมรับว่ามนุษย์มีข้อจำกัดในหลายๆประการ เช่น มีความทรงจำที่จำกัด จึงไม่สามารถจำทุกถ้อยกระบวนความในแต่ละวันได้หมด มีความอดทนที่จำกัดจึงมักจะไม่ทนพอที่จะฟังใครพูดอะไรที่ยาวๆนานๆ หรือการพูดจาที่ซ้ำซากวกวน มีเวลาที่จำกัด จึงไม่อาจจะนั่งคุยหรือเสวนากับใครได้นานเป็นวันๆ ได้

มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม : สะพานสายรุ้งแห่งสันติภาพ

“หากสังคมใดมีความเป็นธรรม สังคมนั้นย่อมมีสันติภาพ และเราทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนแปลงนี้ร่วมกันได้” นี่คือหลักการของมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม(มอส.) ซึ่งเชื่อว่า สำนึกแห่งจิตอาสานั้นเป็นสิ่งที่ปลูกฝังได้ หากมาเรียนรู้กระบวนการทำงานของอาสาสมัคร เพราะจะก่อให้เกิดจิตสำนึกของการช่วยเหลือเพื่อนร่วมสังคมด้วยจิตที่เมตตากรุณา พร้อมกันกับจะได้ตรวจทานตนเองอยู่เสมอว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่เป็นประโยชน์จริงหรือไม่ ?ทำเพื่อประโยชน์สุขของใคร ? และสิ่งที่ทำนี้ได้ช่วยยกระดับคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ใช่หรือไม่ ? เหล่านี้จะเป็นดังแสงสว่างที่คอยนำทางไปสู่คุณงามความดี เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมนี้อย่างมีความเป็นธรรมและสันติสุข

อาสาข้างเตียง … เราจะก้าวผ่านความทุกข์ยากไปด้วยกัน

“อาสาข้างเตียง” คือ อาสาสมัครผู้อยู่เคียงข้างผู้ป่วยเรื้อรัง หรือผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพื่อเป็นกำลังใจ เป็นเพื่อนชวนพูดคุยรับฟัง หรือชวนทำกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อให้ผู้ป่วยสบายใจ ผ่อนคลายจากความกังวลกลัว ความเงียบเหงา มีชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข และ ก้าวข้ามความทุกข์ยากไปด้วยกัน จริงอยู่ โรงพยาบาลย่อมมีแพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์พร้อมอยู่แล้ว แต่เป็นที่ทราบกันอยู่ว่า ทุกท่านล้วนแล้วมีภาระหนักอึ้ง การมีจิตอาสาซึ่งมีเมตตาจิตและผ่านการอบรมมาจนมีความเข้าอกเข้าใจผู้ป่วยเป็นอย่างดี ย่อมเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระแก่โรงพยาบาลได้แน่นอน

“ศิลปะบำบัด” (Art Therapy) : เยียวยาจิตวิญญาณให้สมดุล

มนุษย์พบแล้วว่า “ศิลปะ” มิใช่เป็นเพียงกิจกรรมสร้างสรรค์ที่มีไว้ผ่อนคลายหรือเพื่อความเพลิดเพลินเท่านั้น แต่ยังสามารถนำศิลปะมาเยียวยาปัญหาด้านจิตใจได้อย่างดีเยี่ยม เป็นเวลาเนิ่นนานมากแล้วที่ในต่างประเทศได้ใช้ “ศิลปะบำบัด” (Art Therapy) รักษาผู้ป่วยทาง กายและจิตใจ กระทั่งในประเทศไทยเราก็ใช้ ศิลปะบำบัดมานานกว่า 20 ปี แต่กลับเป็นที่รู้จักในวงแคบๆเท่านั้น ผมคิดว่าศิลปะเป็นเรื่องลึกซึ้งมาก ยิ่งเรียนรู้มากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่มีจุดสิ้นสุดและศิลปะก็ทำงานกับจิตใจของคนได้น่าสนใจทีเดียวเพราะศิลปะมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงมนุษย์ได้… – อนุพันธ์ พฤกษ์พันธ์ขจี

การเคลื่อนไหวอย่างมีสติ : อยู่กับที่นี่เดี๋ยวนี้เพื่อชีวีเป็นสุข

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา “ชีวิต” หากไม่ดับสูญหรือไม่พิกลพิการ ก็ย่อมจะเคลื่อนไหวอยู่แทบจะตลอดเวลา แต่การเคลื่อนไหวของคนเรานั้น หลายต่อหลายครั้งมักเป็นไปอย่างขาดสติจึงก่อให้เกิดอุบัติเหตุอยู่เสมอ หรืออย่างน้อยก็นำความผิดพลาดเสียหายมาให้อย่างคาดไม่ถึง ปุถุชนโดยทั่วไปจิตใจมักจะไม่ตั้งมั่นอยู่กับปัจจุบัน แต่ติดยึดอยู่กับสัญญา(ความทรงจำในอดีต) สังขาร(กังวลกับอนาคต) และเวทนา(ความรู้สึกสุข ทุกข์) กระทั่งเกิดหลงๆลืมๆจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองจะไปไหนหรือกำลังทำอะไรอยู่! เรียกได้ว่าอยู่ไปวันๆอย่างไร้สติสัมปัญชัญญะ

กระบวนการละคร

“กระบวนการละคร” เป็นสิ่งสร้างเสริมสุขภาวะทีน่าสนใจอย่างยิ่ง ทั้งสุขภาวะทางปัญญาของเยาวชน การเรียนรู้ของเยาวชนที่ส่งเสริมกระบวนการคิดวิเคราะห์ มีวิจารณญาณ และสามารถสื่อสารความคิดเพื่อการแกัปัญหาอย่างเสมอภาคเท่าเทียม เป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งของโลกในศตวรรษที่ 21 ทั้งหมดทั้งปวงผมเชื่อว่ากระบวนการละครจะช่วยฝึกสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะละครสนใจในความเป็นมนุษย์ – พฤหัส พหลกุลบุตร มูลนิธิสื่อชาวบ้าน (มะขามป้อม) หัวหน้าโครงการพัฒนาเครือข่ายละครสร้างปัญญาเพื่อเยาวชน (Theatre for Transformation Network) และสร้างสุขภาวะปัญญาของสังคม

การทำงานอย่างมีความสุข : ก้าวย่างแห่งการพัฒนาจิต

ทั้งๆที่ “การทำงาน” คือความจำเป็นในการดำรงชีพ และเป็นวิถีชีวิตของผู้คนโดยทั่วไป แต่หลายต่อหลายคนมันได้กลายเป็นความฝืนใจ ความกดดันและความทุกข์ทรมาน กระทั่งเกิดคำถามขึ้นในใจอยู่เสมอว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่การทำงานกับ “ความสุข” จะก้าวเดินคู่กันไปอย่างสมดุลและยั่งยืน ซึ่งคำถามนี้ได้นำมาสู่แนวทางหลากหลายที่น่าสนใจยิ่ง เพราะแม้มีเป้าหมายร่วมกันคือ การทำงานอย่างมีสุข ซึ่งกรมสุขภาพจิตได้ระบุว่า หากคนเราทำงานอย่างมีความสุข ผลพวงที่ตามมาก็ย่อมคือ “คุณภาพ” และ “ความสำเร็จ”

ชุมชนนิเวศน์ : สถานพักผ่อนแห่งจิตวิญญาณ

โลกยุคดิจิตอล… ผู้คนส่วนใหญ่หลงใหลไปกับแสงสีเสียง เทคโนโลยี่ และวัฒนธรรมโซเชียลมีเดีย กระทั่งหลงลืมไปแล้ว่า ภูมิปัญญาชาวบ้าน คืออะไร ? ไม่เข้าใจเรื่องการจัดการทรัพยากรให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่น ในสิ่งที่ดูเหมือนจะรุดไปข้างหน้า ยังมีผู้คนอีกมิใช่น้อย ที่ไร้ความสุข ทั้งเหนื่อยทั้งเครียด ว้าเหว่อ้างว้าง เขาเหล่านั้นเริ่มใฝ่ฝันถึงชีวิตที่เรียบง่ายสงบเย็นดังเป็นมาแต่อดีต และยังคงอยู่แม้ปัจจุบัน ดังเช่นในชุมชนท้องถิ่นอันอบอุ่นไปด้วยความจริงใจไมตรี และนี่เองที่ยังผลให้ผู้คนทั้งต่างแดนและบ้านเรามุ่งสานฝัน สร้าง “วันที่เคยชื่น

ความสุขประเทศไทย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    ใช้ Google analytics สำหรับเก็บข้อมูลการใช้งานเพื่อวิเคราะห์การใช้งานภายในเว็บไซต์

Save