
การสัมผัสธรรมชาติ
เมื่อพูดถึงธรรมชาติคุณอาจนึกถึงป่า ภูเขา ทะเล สวนสาธารณะ หรือการดูดาว การได้ใช้เวลาให้กับสิ่งเหล่านี้เป็นระยะๆ ย่อมดีต่อใจ แต่หากคุณใช้ชีวิตในเมืองและไม่มีโอกาสแบบนั้น คุณก็ยังสามารถสัมผัสธรรมชาติได้ตลอดเวลา เพราะธรรมชาติอยู่ใกล้กว่าที่คิด
ลองให้เวลากับตัวเองสัก 5 นาที มองต้นไม้ใบหญ้าใกล้ตัว ชมดอกไม้ เงยหน้ามองฟ้า วางโทรศัพท์มือถือแล้วฟังเสียงที่เกิดขึ้นรอบตัว เสียงลม เสียงของความเงียบ หรือเสียงของความคิด ลองเปิดดวงตา เปิดหู เปิดประสาทสัมผัสให้รู้จักผืนดิน ไอแดด หยดน้ำ สิ่งเหล่านี้คือการได้สัมผัสกับธรรมชาติ

ฟาร์มสุข
การสัมผัสกับธรรมชาติแท้ๆ จะเห็นว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น มีความไม่แน่นอน คาดการไม่ได้ แต่นั่นก็คือความแน่นอนและความหวังด้วย มันทำให้เราวางใจและอยู่กับชีวิตจริงๆ ผมทุกข์ใจน้อยลงแม้ว่าจะเหนื่อยมากขึ้น ผมรู้ว่าธรรมชาติคืออะไร ชีวิตคืออะไร และผมจะใช้ชีวิตอย่างไร

ความสุขเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่
ชิงว่าพอเราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น พบความสุขที่เรียบง่าย นุ่มนวล เราก็จะอยากปกป้องดูแล พร้อมกันนั้นก็รู้สึกอ่อนน้อมด้วย ความรู้สึกว่า ‘ตัวเราเล็ก’ เป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ ฟังดูย้อนแย้งแต่เป็นเรื่องจริง

เมื่อเม็ดฝนเต้นระบำ ทำให้รู้ว่าฉันกลัวฝนตอนโต
เรื่องและภาพ : จริยา ชูช่วย “เม็ดฝนเต้นระบำได้บนใบไม้หลายชนิดไม่เฉพาะบนใบบอน”

ความสุขมีเสียง
เรื่องและภาพ : ศิริกุล ไชยราช ฉันเพิ่งดูข่าวคู่รักดาราขับรถออกไปเติมน้ำมันตอนดึก เพราะกลัวตอนเช้ารถจะติด แล้วเจอลุงคนหนึ่งยืนหลับอยู่ข้างรถเข็นริมถนน ทั้งสองเข้าไปสอบถามจึงทราบว่าลุงมีอาชีพเก็บของเก่าขาย

เฝ้ามองสุขเล็กๆ เกิดขึ้นในใจ
เรื่องและภาพ : ธนกาญจน์ ชุ่มจิตต์ เมื่อเรียนจบปริญญาตรี ผมเลือกกลับมาอยู่บ้านทำสวนผลไม้ของพ่อแม่ที่จันทบุรีทันที ด้วยแนวคิดที่ผมต้องการให้สวนนี้ปลอดสารเคมีทุกชนิด ซึ่งแตกต่างจากพ่อแม่ เราจึงมักขัดแย้งกันเรื่องการทำสวนอยู่เสมอ

ห้องข้างหลังนั่งระเบียง
เรื่องและภาพ : ภัทรสุดา กาญจนสุปัญญา ที่ค่อยช่วยรีเซตความเหนื่อยล้า ความวุ่นวาย ความสับสนทั้งมวล เพียงยืนนิ่ง ปล่อยตัวว่าง ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และทอดสายตาออกไปให้กว้าง