เกมสงครามวัวชน
หลวงพี่สอนวิชาชีวิต เป็นวิชาที่บอกว่า ถ้าเครียดจะคลายจากความเครียดอย่างไร ถ้าทุกข์ จะคลายจากความทุกข์อย่างไร เป้าหมายชีวิตคืออะไรกันแน่ แต่เพราะคนรุ่นใหม่มีภาพจำว่าพระน่าเบื่อ ธรรมะน่าเบื่อ พระจึงต้องพยายามหาแนวทางใหม่ๆ ในการสอน คิดบอร์ดเกมเพื่อสอนธรรม
.
- ทุกคนควรเข้าใจธรรมชาติของชีวิต ถ้าใช้ชีวิตสอดคล้องตามหลักธรรมชาติ ก็จะพบสุขและทุกข์น้อย
- บอร์ดเกม สงครามวัวชน (Bull Battle) ชวนมองเป้าหมายชีวิต การมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน
- เรามักจะตั้งเป้าหมายชีวิตโดยใช้เงินเป็นตัวตั้ง เงินสำคัญแต่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
- เราเหงาเพราะใจของเราพร่อง ความสามารถที่จะรักทำให้ใจไม่พร่อง เมื่อไม่พร่องก็ไม่เหงา

ทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักบอร์ดเกม มันเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ทำให้ได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างผ่อนคลาย บางเกมเล่นเพื่อความสนุกสนาน สร้างทักษะในการคิด การทำงานเป็นทีม และอื่นๆ อีกมากมาย พระสงฆ์รุ่นใหม่กลุ่มหนึ่ง ช่วยกันสร้างสรรค์บอร์ดเกมภาวนาเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์สอนธรรม ชวนวัยรุ่นเล่นเกมเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต ครั้งนี้เราได้สนทนาเรื่องนี้กันกับ หลวงพี่บิ๊ก – พระปฏิพล ภูมิเมโธ พระสงฆ์หนุ่มในกลุ่มคิลานธรรม วัดญาณเวศกวัน
.
พระสงฆ์ที่ชวนคนเล่นเกม
พวกเราเคยไปสอนนักศึกษารายวิชา “ความสุขในชีวิตและการทำงาน” เตรียมเนื้อหาอย่างดีแต่นักศึกษาไม่สนใจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพจำว่าพระน่าเบื่อ ธรรมะน่าเบื่อ พระจึงต้องพยายามหาแนวทางใหม่ๆ เช่น สอนเชิงจัดกิจกรรมและเริ่มคิดบอร์ดเกมเพื่อใช้ในการสอน
.
ทุกคนควรเข้าใจธรรมชาติของชีวิต ถ้าใช้ชีวิตได้อย่างสอดคล้องตามหลักธรรมชาติ ก็จะพบกับความก้าวหน้า ความสงบ ความสุข และทุกข์น้อย หลวงพี่เห็นมาตลอดว่านักศึกษามีความเครียด เครียดในทุกวิชา หลวงพี่สอนวิชาชีวิตซึ่งเป็นวิชาที่บอกว่า เราจะคลายจากความเครียดได้อย่างไร จะคลายจากความทุกข์ได้อย่างไร ชวนทบทวนว่าเป้าหมายชีวิตของเราคืออะไรกันแน่
.
เป้าหมายชีวิต
หลวงพี่กับเพื่อนคิดบอร์ดเกม สงครามวัวชน (Bull Battle) เพื่อชวนมองเป้าหมายชีวิต ในเกมมีการ์ดวัวขาว (สิ่งดีในใจ) และการ์ดวัวดำ (สิ่งไม่ดีในใจ) การจะไปถึงเป้าหมาย ผู้เล่นจะต้องค่อยๆ เลื่อนระดับของตัวเองขึ้นไป ซึ่งการจะเลื่อนระดับขึ้นได้ ในมือของผู้เล่นจะต้องมีวัวขาวมากกว่าวัวดำ ถ้าในมือมีวัวดำมากกว่าวัวขาวจะถูกลดระดับลงมา กติกาหลักๆ ก็มีอยู่เพียงเท่านี้
.
ในการเล่นเกม ผู้เล่นก็จะต้องส่งดีบ้างไม่ดีบ้างให้แก่กันเสมอๆ เพื่อจะไปถึงเป้าหมายของตน และช่วงท้ายผู้นำเกมจะช่วยถอดบทเรียน เพื่อนำกระบวนการในเกมเข้าสู่ชีวิต กลับมามองชีวิต ทบทวนปฏิสัมพันธ์ของตัวเรากับคนอื่นๆ
.
ทุกวันนี้พวกเราแทบไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันแล้วมิใช่หรือ
อืม…บางคนอาจจะบอกว่า “ในชีวิตจริงฉันไม่ต้องปฏิสัมพันธ์กับใครนะ ฉันอยู่คนเดียว ไม่ได้ยุ่งกับใคร ทำงานในห้อง สั่งของออนไลน์ สั่งข้าวมากิน” นี่คือความเชื่อของเขา สิ่งที่ชวนมองก็คือ จริงหรือ ? จริงหรือเปล่าที่แค่สั่งข้าวแล้วไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับใคร เวลาไรเดอร์เอาข้าวมาส่ง เรามีปฏิสัมพันธ์ไหม ถ้าคุณยิ้มให้เขากับคุณหน้าบึ้งใส่เขา หรือคุณไม่ใส่ใจ ไม่สนใจเขาเลย นั่นเป็นปฏิสัมพันธ์หรือไม่ ? หรือจริงๆ แล้ว เรากำลังส่งอะไรบางอย่างให้แก่กันตลอดเวลา เหล่านี้เป็นการสอบทานความเชื่อที่ตรึงเอาไว้ให้กว้างมากขึ้น
.
เคยมีเด็กชายอายุ 18-19 ปี มาเล่นเกมนี้ เขาเป็นวัยรุ่นจบมัธยมปลายแล้วไม่อยากเรียนต่อ ขอเล่นเกมอยู่ที่บ้าน ผู้ปกครองก็ค่อนข้างหนักใจ เขามาเล่นเกมนี้แต่เล่นแบบขอไปที ไม่สนใจ เล่นบอร์ดเกมแต่ก็เล่นเกมในมือถือไปด้วย พอถึงกลางเกมซึ่งค่อนข้างส่อไปในทางที่ ถ้ายังเล่นแบบนี้ ทุกคนจะถึงเป้าหมายได้ยาก จะแย่กันถ้วนหน้า แต่เด็กคนนี้ก็ไม่สนใจอะไร ยังทำเหมือนเดิม จนมาถึงจุดหนึ่งที่เขาเริ่มเห็นว่า การ์ดวัวดำที่เขาส่งให้คนอื่น ทำให้ชีวิตคนนั้นแย่ลง มีความชั่วร้ายในตัวมากขึ้น เขาถามคนนำเกมว่า “ผมยกเลิกได้ไหมครับ” ซึ่งเกมไม่อนุญาต สิ่งที่ทำไปแล้วจะย้อนกลับไม่ได้ แต่เกมอนุญาตให้เลือกได้ว่าครั้งหน้าเขาจะทำเหมือนเดิมหรือทำแบบใหม่ ปรากฎว่าเขาเริ่มปรับการเล่น ครึ่งหลังของเกมเขาใส่ใจ สนใจ และอยู่กับเกมอย่างเต็มที่จนกระทั่งจบเกม — นี่คือตัวอย่างหนึ่งของการเล่นบอร์ดเกมชุดนี้
.

.
หลวงพี่เคยถูกครหาเรื่องชวนเล่นบอร์ดเกมไหม
จริงๆ ก็ไม่รู้ว่ามีคำครหาหรือเปล่า หลวงพี่ยังไม่เจอ มักจะได้ยินเสียงด้านบวกด้วยซ้ำไปเพราะเยาวชนเข้าถึงธรรมะได้ พูดคุยกับพระได้ บอร์ดเกมช่วยทลายกำแพงของพระกับเยาวชน
.
เป้าหมายชีวิตและการมีปฏิสัมพันธ์สำคัญอย่างไร
พวกเรามักจะตั้งเป้าหมายชีวิตโดยมีเงินเป็นตัวตั้ง มีบอร์ดเกมชื่อ เกมชีวิต ซึ่งบอกว่า เงินสำคัญแต่มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต หลวงพี่คิดว่า เราไม่ค่อยได้ถามว่าต้องการเงินไปทำไม ถ้าไม่มีเงินแล้วชีวิตจะอยู่ไม่ได้ ก็แสดงว่าแท้ที่จริงแล้วเราแค่ต้องการการอยู่รอด แต่เผอิญว่าเงินเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้อยู่รอด ซึ่งไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้ามองแค่เงินก็อาจจะไม่เห็นความสุขระหว่างทาง

.
หลวงพี่เคยถามพระใหม่รูปหนึ่งว่า “เป้าหมายชีวิตของท่านหลังจากสึกคืออะไร” ท่านบอกว่า “ไปหาเงินครับ เงินคือความสุข ถ้าไม่มีความสุขแสดงว่ายังมีเงินไม่มากพอ” นี่คือมุมมองของพวกเราในวันนี้ ในระหว่างที่ท่านบวช หลวงพี่ก็พาท่านปฏิบัติ พอมีประสบการณ์ในการปฏิบัติมากขึ้น ท่านก็ได้เห็นว่ามีความสุขอื่นๆ ที่ท่านยังไม่รู้จักและมันไม่ต้องใช้เงิน เช่น ความสุขจากใจที่สงบ ความสุขจากการที่ได้พูดจาดีๆ ต่อกัน ความสุขที่ได้ใช้ช่วงเวลาดีๆ ความสุขที่ได้เรียนรู้ ความสุขจากสภาวะของใจ
.
ถ้าเชื่อว่าต้องมีเงินเยอะๆ จึงจะมีความสุข แปลว่าเรากำลังจะทุกข์ไปเรื่อยๆ ทีเดียวนะ เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เงินเท่าที่อยากมีหรือไม่ อาจจะเครียด ซึมเศร้า ก่อนมีเงินจำนวนนั้นก็ได้ ความสุขอื่นๆ ที่พวกเราสัมผัสได้มีหลายอย่างเช่น การอยู่กับครอบครัว พูดจาดีๆ ต่อกัน ได้ชื่นชม ให้กำลังใจกัน เหล่านี้นี่คือความสุขที่พวกเราอาจจะลืมไป
.
ทุกวันนี้เราอยู่ตามลำพังกันมากขึ้น ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันบางครั้งรู้สึกเหงาจะดูแลกันอย่างไร
หลวงพี่คิดว่าเราเหงาเพราะใจของเราแคบ เราต้องการความรัก การยอมรับ การเหลียวแลจากใครสักคน ในใจมีรูโบ๋ พร่อง อยากได้ใครสักคนมาเติมให้เต็ม ซึ่งมีตัวละครที่เราต้องการไม่กี่ตัว เพื่อน คนรัก พ่อแม่
.
เคยมีวัยรุ่นคนหนึ่ง เขาอยากให้แม่แสดงความรักกับเขาบ้าง แต่แม่ไม่เคยให้สิ่งนั้นเลย ที่แม่ให้ไม่ได้เพราะแม่ก็ไม่เคยได้สิ่งนั้น แม่ถูกเลี้ยงดูมาแบบคนยุคก่อนซึ่งแสดงความรักไม่เป็น เขาต้องการอ้อมกอดที่อบอุ่น อ่อนโยน ไม่ใช่กอดแค่ท่าทางแต่ต้องการอ้อมกอดที่มีพลังของความรักอยู่ในนั้น แต่แม่ให้ไม่ได้
.
หลวงพี่ชวนให้เขาลองกอดตัวเอง ด้วยความรู้สึกที่เขาต้องการ ความรู้สึกของการเป็นที่รัก ถูกรัก ได้รับความรัก ให้ความรู้สึกนั้นผ่านอ้อมกอดและเข้าไปถึงหัวใจของเขา เขาก็ลองทำ สักพักหนึ่งเขาบอกหลวงพี่ว่า มีเด็กเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ในใจของเขา เด็กที่รออ้อมกอดนี้มาเนิ่นนาน
.

.
จากประสบการณ์นี้ เขารู้ซึ้งได้ด้วยตัวเองว่า เขาให้ความรักแก่ตัวเองได้นะ เขากอดตัวเองด้วยความรักได้เช่นกัน ไม่ต้องรอจากคนอื่น เขาให้ความรักและอ้อมกอดแก่ตัวเองได้ทุกเวลา — นี่เป็นตัวอย่างที่หลวงพี่อยากบอกว่า เราให้ความรักแก่ตัวเราเองได้ และจริงๆ แล้ว มีสิ่งอื่นๆ รอบตัวเรามากมายที่ช่วยให้เราไม่เหงา
.
รอบตัวของเรามีนก หมา แมว จิ้งจก แมลง แม้แต่การได้เห็นข้าวของที่อยู่รอบตัว ถ้าตระหนักได้ถึงการมีอยู่ของสิ่งนั้น ให้เวลากับสิ่งนั้นสักครู่ โต๊ะ เก้าอี้ ปากกา มอบความรู้สึกรักให้กับสิ่งนั้นก็เป็นการสร้างความสามารถที่จะรัก ซึ่งจะทำให้ใจของเรากว้างขวางขึ้น ไม่พร่อง เมื่อไม่พร่องก็ไม่เหงา สำหรับคนเป็นพ่อแม่ หลวงพี่อยากให้ฟังกันเยอะๆ ฟังมากๆ การฟังและความรักจะเป็นเกราะช่วยลูกในอนาคต
.
เมื่อได้ฟังหลวงพี่บิ๊กก็น่าจะพอเห็นได้ว่า ความรักและการมีปฏิสัมพันธ์นั้นใกล้ตัวเรามาก โดยเฉพาะปฏิสัมพันธ์กับตัวเอง ผู้คนที่รายรอบ เราไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันเสมอ และเราเลือกได้ที่จะมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันอย่างไร ความสามารถที่จะรัก ความสามารถที่จะฟัง เป็นพื้นฐานของความสามารถที่เราจะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข
.
บทเรียนย่อยเรื่องการฟัง https://www.happinessisthailand.com/category/microlearning/deep-listening/
เกมการฟัง https://www.happinessisthailand.com/listenian-game/
ติดตามเกมภาวนาอื่นๆ ได้ที่ https://nyanavesk.online/th/program-detail/game-bhavana