“เมื่อไม่มีความสุขจากความสัมพันธ์ มนุษย์เราจึงรู้สึกหมดพลังงาน”

.

.

          มนุษย์เป็นสัตว์สังคม พวกเราต้องการความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคน เด็กทารกไม่สามารถอยู่รอดได้หากไม่มีความสัมพันธ์ ผู้ใหญ่ก็ไม่ต่างกันนัก แม้แต่คนที่ ‘ชอบอยู่คนเดียว’ ก็ยังต้องการความสัมพันธ์อยู่นั่นเอง ในโลกปัจจุบันที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เราอาจจะรู้สึกเชื่อมโยงใกล้ชิดกับคนที่อยู่ในอีกซีกโลกหนึ่ง แต่กลับรู้สึกแปลกแยกแตกต่างกับคนร่วมหลังคาเดียวกัน … ความสุขในความสัมพันธ์เกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ เราลองมาคุยเรื่องนี้ด้วยกันกับอาจารย์ณัฏฐ์ เพิ่มทรัพย์ หรือ โค้ชณัฏฐ์ Executive Coach วิทยากร ผู้ก่อตั้งสถาบัน The Essential Coach สถาบันการสอนและฝึกการเป็นโค้ช

.

ความสุขจากความสัมพันธ์คืออะไรคะ

มีหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่ในใจผมเสมอ THE TOP FIVE REGRETS OF THE DYING : BRONNIE WARE เป็นเรื่องของการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ผู้ป่วยไม่ได้รู้สึกว่า ทำงานไม่มากพอ หรือขยันไม่พอ แต่ส่วนใหญ่กลับบอกว่า อยากให้เวลากับคนที่รักมากกว่านี้ อยากดูแลพ่อแม่มากกว่านี้ อยากอยู่กับลูกมากกว่านี้ .. เรื่องที่ผู้ป่วยเสียใจหรือเสียดาย ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทั้งนั้น

.

จริง ๆ แล้ว ความสัมพันธ์ที่ดีเป็นส่วนสำคัญของความสุขในชีวิต หากถามว่าเราอยากได้อะไร คนส่วนใหญ่อาจตอบว่า อยากได้การยอมรับ อยากประสบความสำเร็จ อยากหาเงินเลี้ยงชีพ แต่เมื่อถามลึกลงไปว่า อยากประสบความสำเร็จไปทำไม ? อยากมีเงินสิบล้านร้อยล้านไปทำไม? หลายครั้งคำตอบจะกลับมาที่ความสัมพันธ์ ‘อยากให้พ่อแม่ภูมิใจ’ ‘อยากให้ลูกได้เรียนสูง ๆ’ — บางคนอาจรู้สึกว่า ยิ่งขยันทำงาน ยิ่งทำเงินเป็นสิบล้านร้อยล้าน แต่กลับรู้สึกว่าชีวิตยังไม่ค่อยเติมเต็มสักเท่าไร นั่นอาจจะมีที่มาจากความสัมพันธ์ครับ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับแฟน กับเพื่อน กับพ่อแม่ หรือแม้แต่กระทั่งความสัมพันธ์กับตนเอง มีประโยคหนึ่งที่ผมเคยได้ยิน “ไม่มีเรื่องใดจะน่าเศร้าไปกว่าการปีนเขามาตลอดชีวิต และเมื่อไปถึงยอดเขา กลับพบว่านี่ไม่ใช่ยอดเขาที่เราอยากจะปีน”  

.

ตัวผมเองเคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้เข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ ช่วงวัยหนึ่ง ผมอยู่บ้านเดียวกันกับพ่อแม่ แต่ไม่ได้เจอหน้าท่านทั้งสองกว่าสองสัปดาห์ก็มี เพราะตัวเองต้องออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้า พ่อแม่ยังไม่ตื่น พอเลิกงานก็หากิจกรรมอื่นๆ ทำเพื่อเลี่ยงรถติด ไปฟิตเนตบ้าง ไปออกกำลังกาย ฯลฯ กลับมาถึงบ้านพ่อแม่นอนแล้ว — เราจะรู้สึกได้เลยว่า งานไม่มีปัญหา สุขภาพก็โอเค แต่ชีวิตไม่(เติม)เต็ม เพราะขาดความสัมพันธ์ ผมเลยคิดว่า ความสุขจากความสัมพันธ์น่าจะเป็นถังพลังงานหนึ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคน  

.

รับฟัง เข้าใจ ยอมรับ

อาจารย์ณัฏฐ์ให้ทัศนะพื้นฐานซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญอันจะนำมาซึ่งความสัมพันธ์ที่ดี มันประกอบด้วย 3 คำ คือ รับฟัง เข้าใจ ยอมรับ

การให้เวลา แท้จริงแล้วคือการให้ชีวิตส่วนหนึ่งของเรานั่นเอง ดังนั้นการให้เวลาอย่างแท้จริง จดจ่อ และใส่ใจจึงเป็นการบอกกับคู่สนทนาว่าเขามีค่าอย่างมาก

แค่ฟังก่อน ไม่พูดแทรก ไม่ตั้งคำถาม พอมีคนตั้งใจฟังจริง ๆ เราก็อยากเล่า การฟังเป็นประตูสู่หลาย อย่างในความสัมพันธ์ การฟังแสดงให้รู้ว่า ‘คุณเป็นคนสำคัญ คุณมีค่าสำหรับผม ผมถึงมอบเวลาตรงนี้ให้สำหรับคุณ ฟังเพื่อรับรู้ปัญหา ฟังเพื่อร่วมยินดี ฟังเพื่อสนับสนุน ฟังสิ่งที่ไม่กล้าเปิดเผย ฟังคำที่อยากบอก…’

ผู้เขียนพยักหน้าหงึกหงักแสดงภาษากายว่าเห็นด้วยเต็มที่ แม้อาจารย์จะไม่เห็น แต่เชื่อว่าอาจารย์รับทราบ เพราะเรา “ฟัง” กันผ่านทางโทรศัพท์ —

.

ผมเคยได้ฟังอาจารย์ธนา นิลชัยโกวิทย์ จิตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเรื่องนพลักษณ์ เคยพูดถึงงานด้านการพัฒนาผู้คนว่า หากมีสักหนึ่งคนที่เปลี่ยนแปลงก็คุ้มสำหรับผู้สอนแล้ว คำพูดนี้ประทับอยู่ในใจผมมากตอนนี้ ทุกครั้งที่ผมจัดเวิร์คช้อป ผมจะบอกตัวเองเสมอว่า ถ้ามีพ่อสักคนกลับไปฟังลูก หัวหน้าสักคนกลับไปฟังลูกน้อง ลูกสักคนหันไปฟังพ่อแม่สูงวัย ก็คุ้มค่าแล้วสำหรับผม เพราะผมเชื่อ 100 เปอร์เซ็นว่า คนทุกคนบนโลกต้องการผู้ฟังที่ดีในชีวิตสักคนหนึ่ง รับฟัง เข้าใจ ยอมรับ ไม่ว่าจะอยู่ Gen อะไร วัยไหน เพศไหน คุณก็เป็นคนสำคัญ

นี่เองจึงเป็นที่มาของ โครงการฟังใจลูก ที่อาจารย์ณัฏฐ์ร่วมกับธนาคารจิตอาสาจัดขึ้นเพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีความสามารถในการรับฟังลูก เพื่อให้ลูกๆ มีพื้นที่ปลอดภัยเพียงพอที่จะพูดคุย หรือขอคำปรึกษาจากพ่อแม่ได้

เพราะเมื่อคนในครอบครัว คนที่รักเขามากที่สุด ไม่สามารถรับฟังเด็ก ๆ ได้อย่างเปิดใจ ซึ่งก็จะทำให้เด็ก ๆ ไม่เปิดใจกับเราเช่นกัน เมื่อใจปิดแล้ว คำแนะนำต่างๆ ของเราที่มาจากความรักความหวังดี ก็จะไปไม่ถึงเด็กๆ และเด็กก็จะออกไปหาคำแนะนำ การแก้ปัญหาเพื่อนวัยเดียวกัน มีวุฒิภาวะและประสบการณ์ชีวิตใกล้เคียงกัน (ซึ่งค่อนข้างมีข้อจำกัด) ก็อาจจะไม่สามารถช่วยกันได้มากนัก

.

อาจารย์ณัฏฐ์ย้ำว่า “ฟังลูกไม่ได้แปลว่าต้องตามใจลูก แค่ฟัง แม้บทสรุปสุดท้ายอาจจะจบที่การแนะนำ สั่งสอน แต่ต้องเริ่มด้วยการฟังก่อน ยิ่งฟัง เรายิ่งตอบได้ตรงจุด”  25 ครอบครัว จากโครงการฟังใจลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น เพียงแค่ได้รับฟังและยอมรับ ยอมรับในความเห็นของเขา ยอมรับในตัวตนของเขา ยอมรับในความเจ็บปวดของเขา “ในนามของความหวังดี อย่าเพิ่งรีบให้คำแนะนำ แก้ปัญหา — ต้องรับฟังก่อน ว่าเจ็บแค่ไหน เสียใจแค่ไหน ยังไม่ต้องช่วยแก้ปัญหาก็ได้ แค่รับฟังก็พอ”

.

ผู้ฟังที่ดี คือ พื้นที่ปลอดภัย

อาจารย์ณัฏฐ์บอกอีกด้วยว่า คนทุกคนต้องการพื้นที่ปลอดภัย และความสัมพันธ์ที่จะมีความสุข ก็จำเป็นต้องมีพื้นที่ปลอดภัย ผู้ฟังที่ดีเป็นพื้นที่ปลอดภัย ในการโค้ชผู้บริหารของอาจารย์ หลายๆ ครั้งเริ่มต้นด้วยประเด็นในการทำงาน แต่สุดท้ายมักกลับมาในเรื่องความสัมพันธ์ของคนในทีม ถ้าทีมงานมีความสัมพันธ์ดีมากๆ ผลงานก็มักจะดีตามไปด้วย อาจารย์ยกตัวอย่างทีมประชาสัมพันธ์ของบริษัทเครือข่ายโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งที่รู้จักการฟัง หัวหน้าให้ลูกน้องมีโอกาสพูดและหัวหน้ารับฟังลูกน้อง คนในทีมรับฟังกัน ใครเป็นอย่างไร ใครมีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว ทุกคนก็พร้อมที่จะช่วยกันโดยหัวหน้าไม่ต้องเป็นผู้กำหนดหรือออกคำสั่ง หัวหน้าทำหน้าที่สนับสนุนให้เกิดวัฒนธรรมที่ดีในองค์กร เกิดพื้นที่ปลอดภัยในทีมเพื่อให้ทุกคนทำงานอย่างมีความสุข  

.

“บางทีมอยู่ด้วยกันมา 5 ปี ไม่เคยคุยหรือรับฟังกัน ทำงานผ่านอีเมล มีปัญหาอะไรใช้การ cc หัวหน้า พอรู้จักการฟังมากขึ้น ทีมงานรู้จักกันมากขึ้น กล้าที่จะเปิดใจคุยกันมากขึ้น ช่วยเหลือกันได้ ตกลงกันได้เวลามีความแตกต่าง ชื่นชมกันและกันมากขึ้น ทีมทำงานร่วมกันดีขึ้น ราบรื่นขึ้น ยกหูโทรศัพท์หากันแทนการส่งอีเมล พอความสัมพันธ์พื้นฐานดี งานก็ดี ทำให้มีความสุขมากขึ้น

.

“ผมเพิ่งพูดใน กิจกรรมฟังสร้างสุข หัวข้อ ต่างวัยไม่ต่างกัน (จัดโดยธนาคารจิตอาสา) ว่า

คนเราเชื่อมโยงกันด้วยความเหมือน เหมือนกันบางอย่าง รักบางอย่างชอบบางอย่างเหมือนกัน แน่ล่ะว่าอาจจะมีความต่างอยู่ อาจจะต่างกันสุด ๆ แต่ก็จะเชื่อมโยงกัน — เราเชื่อมโยงกันด้วยความเหมือน แต่จะเติบโตได้ด้วยความต่าง

— ลองคิดดู ถ้าผมคบแต่กับวิศวกรด้วยกันเท่านั้น โลกของผมจะไม่เติบโตสักเท่าไรเลย แต่ถ้าผมคบกับเจ้าหน้าที่การตลาด ศิลปิน ผมก็จะได้เรียนรู้โลกที่ต่างออกไป โลกของชาวมาร์เก็ตติง (การตลาด) โลกของศิลปิน แล้วโลกภายในของผมจะโตขึ้น ยอมรับคนอื่นได้มากขึ้น และเข้าใจตัวเองมากขึ้น ดังนั้น เราสามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยได้ แม้ว่าความเห็นของเราจะไม่ตรงกันก็ตาม

.

Healthy Conflict

ในทุกความสัมพันธ์ย่อมมีความขัดแย้ง เราจึงถามความเห็นของอาจารย์ในการดูแล-จัดการความขัดแย้ง คนเราควรมีมุมต่อความขัดแย้งอย่างไร

“ไม่มีใครชอบความขัดแย้ง แต่ความขัดแย้งก็เป็นธรรมดาของโลกใบนี้ เรากำหนด-ควบคุมไม่ได้เลยว่า ความสัมพันธ์จะไม่มีความขัดแย้ง ในภาษาอังกฤษมีคำว่า heathy conflict – เห็นต่างอย่างสร้างสรรค์ คือทำความเห็นต่างให้มีประโยชน์ เกิดประโยชน์ คนไทยเรามักจะมีสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเลือกที่จะกลมเกลียวกัน ( harmony) ก็เลยเลือกที่จะไม่พูดเพราะกลัวกระทบความสัมพันธ์ แม้จะเป็นสิ่งที่ควรพูด หรือเป็นหน้าที่ ก็จะทำให้เกิดปัญหาแบบนึง อีกฝั่งคือสุดไปอีกข้าง ถ้าเห็นต่างก็…ชนเลย ก็จะเกิดปัญหาอีกแบบนึง มีคนไม่มากนักที่สามารถสร้างความสมดุลตรงนี้ได้ดี คือเราเคารพกัน เราให้เกียรติกัน และเราก็มีความเห็นที่ต่างกันได้ อยู่ร่วมโลกกันได้ หากในความสัมพันธ์ก็จะเป็น ฉันเห็นต่างกับเธอนะ และไม่ว่าอย่างไรฉันก็รักเธอ

.

พ่อแม่เติบโตมาในยุคหนึ่ง ลูกก็เติบโตขึ้นมาในอีกยุคหนึ่ง มุมมอง สภาพแวดล้อม การเติบโต ประสบการณ์ย่อมต่างกัน เราเห็นต่างกันได้โดยไม่ต้องเป็นศัตรูกัน จริงๆ แล้วคนเราทุกคนไม่ได้ต้องการคนที่เห็นด้วยทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อเราโตแล้ว ในความสัมพันธ์กับคู่ของเรา การที่เราสองคนรับฟังกัน ไม่ได้แปลว่าต้องเห็นด้วยกันทุกอย่าง ต่อให้เห็นต่างกัน แต่เมื่อเรารู้ว่าอีกคนรับฟัง ไม่ว่าวันนั้นเราจะสำเร็จหรือเฟล พลาดอะไรไป อย่างน้อยโลกนี้มีคนหนึ่งที่เข้าใจ รับรู้ว่าเราเผชิญอะไรอยู่ แค่นี้ชีวิตดีขึ้นเยอะเลย เห็นต่างไม่ได้ผิด โอเคที่เห็นต่างกัน ทำให้เราได้กำลังใจและแนวทางอื่นๆ ซึ่งเราไม่รู้สึกต่อต้าน เพราะมีการรับฟังเป็นประตูสำคัญ เห็นต่าง รับฟัง ร่วมหาทางออก  ถ้าใครเป็นแบบนี้ทำแบบนี้ได้ เยี่ยมที่สุด”

.

การฟังเป็นหน้าที่แรกของการรัก – listen is the first duty of love

https://www.happinessisthailand.com/2023/09/04/spiritual-relation-lovelanguage-healing/

อาจารย์บอกว่าในชีวิตส่วนตัว อาจารย์ก็ใช้การฟังเป็นวิธีดูแลความสัมพันธ์ และเป็นวิธีที่ทำให้เกิดความสุขจากความสัมพันธ์ พวกเราอาจจะเคย (หรือไม่เคย) รู้จัก 5 ภาษารัก* ของดร.แกร์รี่ แชปแมน ภาษารักเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดูแลความสัมพันธ์ และการฟังก็เป็นกุญแจสำคัญที่จะไปสู่หัวใจคนที่เรารัก

.

“5 ภาษารัก สื่อสารกับเราแบบไหน ตัวเราต้องการแบบไหน คนรักของเราต้องการแบบไหน บางคนต้องการเวลาคุณภาพ (quality time) เขาต้องการให้เรารับฟังเขา หรือเขาต้องการโอบกอด (physical touch)  ขอให้สังเกตภาษากาย น้ำเสียง มีสติ มีความรู้สึกตัว เปิดกว้างต่อคำว่า ‘ฟัง’ ออกไปให้มากกว่าการที่หูได้ยินเสียง ลองฟังอย่างตั้งใจ ฟังสิ่งที่เขาพูดและฟังสิ่งที่เขาไม่ได้พูด มีสติ กลั่นออกมา เท่าทันว่าเขาต้องการอะไร มีรู้สึกอย่างไร เบื้องหลังความโกรธที่เขาแสดงออกมาคือความห่วงใยใช่ไหม? ภรรยาบ่นด่าสามีที่อายุมาก ดื่มเหล้าเยอะ เบื้องหลังคำบ่น คือ เป็นห่วง “ถ้าเธอจากไป ฉันจะอยู่ได้อย่างไร” ต้องมีสติถึงจะก้าวข้าม การบ่น การทะเลาะกัน

.

ความสัมพันธ์ของชีวิตคู่จะยืนยาว ไม่ใช่เพราะรักกันมานาน ไม่ใช่เพราะมีความสุขในเวลาที่อะไรๆดี แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับมือเวลาที่มีปัญหากันอย่างไร การเห็นต่าง ความแตกต่าง นำไปสู่ทางออกว่าเราจะดูแลกันได้อย่างไร สติช่วยได้มาก

ตัวเราเองก็เช่นกัน ถ้ารู้สึกน้อยใจ เสียใจ แต่ไม่มีสติเท่าทันเราก็จะกระทบกระทั่งกับอีกฝ่าย แต่ถ้าเราทัน เราจะรู้ว่า เราต้องการความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ได้ต้องการการถูก-ผิด แพ้-ชนะ บางครั้งในนามแห่งหวังดีความรัก บางทีเราก็ก้าวล่วง เผลอทำบางสิ่งที่ไม่ได้ดูว่ามันเหมาะกับเขาไหม ไม่ได้ถามว่าเขาต้องการมันไหม เราลืมฟัง — อย่าลืมฟังใจเขา อย่าลืมฟังความต้องการของเขาด้วย และสำคัญที่สุดคือกลับมาฟังใจตัวเองด้วย”

.

อาจารย์ณัฏฐ์ปิดท้ายการสนทนาครั้งนี้ด้วยประโยคที่ว่า “ผู้ฟังที่ดีก็ต้องการผู้ฟัง” เราควรให้โอกาสผู้อื่นได้ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังด้วย เช่นเดียวกับที่อาจารย์และผู้เขียนผลัดกันเป็นผู้ฟัง ทำให้การสนทนาสนุก เพลิดเพลิน และเป็นช่วงเวลาของความสุขจริงๆ ขอให้พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดี และมีความสุขจากความสัมพันธ์นะคะ

………………………………………………………………………….

*5 ภาษารัก โดย ดร.แกรี่ แชปแมน (Dr.Gary Chapman)

บอกรักด้วยคำพูด (Words of Affirmation)

บอกรักด้วยสัมผัส (Physical Touch)

บอกรักด้วยการกระทำ (Acts of Service)

บอกรักด้วยของขวัญ (Receiving Gifts)

บอกรักด้วยการใช้เวลาร่วมกัน (Quality Time)

ความสุขประเทศไทย
PDPA Icon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save