เมื่อแต่ละคนรู้สึกว่าตัวเองดีพอ มีความสุขอยู่ภายในมากพอ คุณภาพการส่งต่อสิ่งต่าง ๆ ก็จะเป็นไปด้วยดี ทั้งคุณภาพงาน การสื่อสาร การดูแลลูกค้า เป็นวงจรของความสุข จิตที่มีความสุขจะขยายโครงข่ายของความสุข ส่งความสุขออกมาระหว่างการทำงาน
.
- ความสุขของพนักงานไม่ใช่สวัสดิการที่ควรได้ แต่ความสุขของพนักงานเป็น ‘พันธกิจ’ ขององค์กร
- เมื่อได้ยินว่าพนักงานสนใจ Work-Life Balance สุขภาวะภายใน และการบริหารความเครียด องค์กรจึงเดินหน้าด้วยการรับฟัง
- กิจกรรมจิตอาสา คือช่วงเวลาที่พนักงานหลายๆ หน่วย ได้รู้จักและใช้เวลาร่วมกัน พอกลับไปทำงาน การสื่อสารระหว่างหน่วยงานดีขึ้น
.
เคยสงสัยไหมว่าองค์กรที่ใส่ใจพนักงานอย่างแท้จริงนั้นทำได้อย่างไร ? บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต ไม่ได้มองว่าความสุขของพนักงานเป็นสวัสดิการที่ควรได้ แต่ความสุขของพนักงานเป็น ‘พันธกิจ‘ ขององค์กร เรื่องราวต่อไปนี้คือ ที่มาของการบริหารงานบุคคลโดย คุณปรีชาพล ดุลนีย์ (คุณอาท) รองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำให้ ความใส่ใจ การฟัง การเป็นผู้ให้ กลายเป็นธรรมชาติในตัวพนักงาน ส่งผลให้ความสุขในการทำงานนั้นเป็นจริง
.
คุณอาทเล่าว่า ในทุก ๆ ปี บริษัทจะทำการสำรวจเพื่อค้นหาว่า อะไรคือความสุขของคนทำงาน ผลสำรวจล่าสุด (ปี 2567-2568) เผยข้อมูลสำคัญที่ทำผู้บริหารได้เห็นว่า พนักงานสนใจ Work-Life Balance การให้ความสำคัญกับสุขภาวะภายใน และการบริหารความเครียด เมื่อได้ยินเสียงของความต้องการเช่นนี้ องค์กรจึงเดินหน้าด้วยการ ‘รับฟัง’ และ ‘ลงมือทำ’
.
เสียงของพนักงานหลายพันคนมาถึงผู้บริหารได้อย่างไร?
บริษัทของเรามีตัวแทนของพนักงานในแต่ละสายงาน ซึ่งมีอยู่ราวๆ 80 คน เรียกว่า MTL Avenger คนเหล่านี้จะเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างบริษัทกับพนักงาน พวกเขาได้รับคัดเลือกมาจากแต่ละสายงาน มีคุณสมบัติพื้นฐานคือ มนุษยสัมพันธ์ดี กล้าแสดงออก กล้านำเสนอ และสามารถทำงานเป็นทีมได้ดี พวกเขาเป็นตัวแทนของพนักงานในการทำภารกิจให้บรรลุความสำเร็จ หนึ่งในนั้นคือ ภารกิจสร้างความสุขให้พนักงาน
.
เรารวบรวมข้อมูลและพบว่ากิจกรรมที่จะช่วยให้พนักงานมีความสุขมี 3 หมวดหลักคือ
Mind and Soul – กิจกรรมที่ให้ความสำคัญต่อการดูแลจิตใจ สภาวะด้านใน ส่งเสริมมิติจิตวิญญาณ
Art and Music – กิจกรรมด้านศิลปะ สุนทรียภาพ การผ่อนคลาย เช่น การระบายสีมันดาลา การจัดดอกไม้แบบโคริงกะ
Body and Sport – กิจกรรมที่เน้นการดูแลร่างกาย ออกกำลังกาย กีฬาหลายชนิด และรวมไปถึงการนวด ซึ่งองค์กรของเราจัดกิจกรรมโดยเชิญหมอนวดตาบอดมาที่สำนักงานใหญ่เดือนละครั้ง และที่สำนักงานภูมิภาคเชียงใหม่สองเดือนครั้ง ซึ่งได้รับการตอบรับจากพนักงานอย่างดีมาก
.
การฟังในองค์กร
จากการติดตามผลมาสักระยะหนึ่ง เราพบว่าพนักงานต้องการเล่าประสบการณ์ เช่น ความสุข การค้นพบ หรือบางครั้งเขาก็อยากระบายความทุกข์หรือเรื่องที่ทำให้อึดอัดใจ เขาอยากมีใครสักคนรับฟังเขา เราจึงคิดว่า การฟังน่าจะเป็นสิ่งที่พนักงานต้องการด้วย
.
ตัวผมเองเคยอ่านหนังสือและได้ยินว่าบางครั้ง “เพื่อนที่ดีที่สุด คือคนที่เงียบที่สุด” หมายความว่า ในบางครั้งเราต้องการใครสักคนที่จะฟังอย่างตั้งใจ ฟังเงียบๆ เท่านั้น การฟังเงียบๆ ให้ความเข้าใจได้ดีกว่าการพยายามให้คำแนะนำ หรือให้ทางออก นี่คือที่มา ที่องค์กรของเราจัดพื้นที่ฟังสร้างสุขร่วมกับธนาคารจิตอาสา และเข้าร่วมแคมเปญเดือนการฟังแห่งชาติ
.
แคมเปญเดือนการฟังแห่งชาติ
ในทุก ๆ ปี เราจะพาพนักงานไปทำกิจกรรมจิตอาสาที่ศูนย์การเรียนรู้สรรค์สาระ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้กลางของบริษัท มีบรรยากาศที่ร่มรื่น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพหลากหลายมิติ ช่วงเช้าพนักงานจะทำกิจกรรมเพื่อเตรียมของไปบริจาค ช่วงบ่ายไปปลูกต้นไม้ภายในศูนย์การเรียนรู้ แล้ววันถัดไปก็นำของ (ที่เตรียมจากวันแรก) ไปบริจาค
.

.
ในปีนี้ (2568) มีแคมเปญเดือนการฟังแห่งชาติ เราจึงปรับตารางกิจกรรม โดยครึ่งวันแรกเริ่มด้วยกิจกรรมฟังสร้างสุข ให้พนักงานได้รู้จักการฟังและได้รู้จักกัน เมื่อได้ทำกิจกรรมฟังสร้างสุขแล้วจึงค่อยดำเนินกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งเมื่อปรับกิจกรรมเป็นอย่างนี้แล้ว พบว่าพนักงานเปิดใจกันมากขึ้น พนักงานที่มาจากคนละหน่วยงาน บางคนไม่รู้จักใครเลยก็มีความเป็นเพื่อนกันเกิดขึ้น ทำกิจกรรมด้วยกันอย่างราบรื่น ฟีดแบ็กดี เมื่อจบกิจกรรมแล้ว กลับมาทำงานแล้วก็ยังรู้จักกัน เป็นเพื่อนกัน ทำให้เห็นว่าการฟังส่งเสริมการมีความสัมพันธ์ และมิตรภาพที่ดีได้จริงๆ
.
ในเดือนการฟังแห่งชาติที่ผ่านมา เราจัดกิจกรรมการฟังในสำนักงานของเราหลายแห่ง ทั้งที่ กรุงเทพ ราชบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น และมีแผนจะจัดที่หาดใหญ่ด้วยแต่เกิดภัยพิบัติ จึงต้องเลื่อนไปก่อน อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าองค์กรของเรายังคงจัดกิจกรรมฟังสร้างสุขทุกเดือน และส่งเสริมกิจกรรมการฟังทั้งปี
.
ที่มาของนโยบาย ให้ลางานเพื่อไปทำกิจกรรมจิตอาสา
เป้าประสงค์หนึ่งของบริษัทคือ เรามีนโยบายการตอบแทนทางสังคม เช่น การบริจาค กิจกรรมด้านการช่วยเหลือสังคม การอนุญาตให้พนักงานลางานเพื่อไปทำกิจกรรมจิตอาสาที่เขาสนใจ เป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อคนอื่นด้วยความสนใจของเขาเอง ซึ่งช่วยให้เขามีความสบายใจ มีโอกาสได้เป็นผู้ให้ ก่อเป็นความภาคภูมิใจ นี่คือที่มาของความสุขของพนักงาน
.
บริษัทของเราอนุญาตให้พนักงานลาเป็นจิตอาสาได้ รายปี และเก็บสถิติการทำงานจิตอาสาของพนักงานให้เจ้าตัวได้รับรู้ด้วย พนักงานได้เห็นว่าในแต่ละปี ตัวเองได้ทำกิจกรรมจิตอาสากี่งาน กี่ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของโปรไฟล์ของเขา แต่ไม่มีผลต่อการประเมินผลงาน — เขาเป็นจิตอาสาเป็นเพราะเขาต้องการเป็นจิตอาสา ไม่ใช่เพื่อการโปรโมทผลงาน
.

.
ผลลัพธ์ที่องค์กรได้ในทางอ้อมก็คือ เมื่อพนักงานได้อยู่ในกิจกรรมจิตอาสา มันคือช่วงเวลาที่พนักงานหลาย ๆ หน่วยงาน ได้รู้จักกัน ได้ทำอะไรบางอย่างด้วยกัน แล้วเมื่อเขากลับไปทำงานในหน่วยงานของตัวเอง การสื่อสารระหว่างหน่วยงานก็จะดีขึ้น — ปัญหาการสื่อสารระหว่างหน่วยงานที่เคยติดๆ ขัดๆ ในคำพูด ในท่าที เช่น เราอาจจะเคยรู้สึกว่า คนนี้พูดจากับเราไม่ดีเลย เขาไม่ชอบเรา เขาไม่ชอบฝ่ายเรา แต่พอได้ทำกิจกรรมจิตอาสา ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นลดน้อยลง บางทีพอได้ใกล้ชิด ได้ทำอะไรบางอย่างร่วมกันมันช่วยเปิดมุมมอง ทำให้เกิดการรับรู้ใหม่ๆ ได้เห็นว่าจริงๆ แล้วท่าทีเป็นอย่างนั้นเอง ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบเรา
.
องค์กรของเราให้ความสำคัญกับคำว่า Caring เราใส่ใจ ซึ่งเป็นหนึ่งใน core value ของบริษัท เราเชื่อว่าเมื่อแต่ละคนรู้สึกว่าตัวเองดีพอ มีความสุขอยู่ภายในมากพอ คุณภาพการส่งต่อสิ่งต่างๆ ก็จะดีไปด้วย ทั้งคุณภาพงาน การสื่อสาร การดูแลลูกค้า ฯลฯ มันจะสร้างวงจรของความสุข จิตที่มีความสุขจะขยายโครงข่ายของความสุข ส่งความสุขออกมาระหว่างการทำงาน และทำงานได้มากกว่าหน้าที่ของเขา
.

.
ความสุขที่ว่านี้เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพ หรือ ความเจริญก้าวหน้าขององค์กรไหม
คนทำงานโดยทั่วไปอาจจะมีกรอบคิดว่าการทำงานคือการทำหน้าที่ เช่น การเดินจากจุด a ไปยังจุด b แต่พนักงานที่มีความสุขจะทำมากกว่านั้น เช่น จะเกิดความคิดว่า จะเดินในระยะทางที่สั้นที่สุดได้ไหม จะทำเวลาให้ดีขึ้นได้ไหม หรือเขาจะช่วยถือของไปด้วยได้ไหม ฯลฯ คนที่มีความสุขจะทำเพิ่ม ไม่เพียงแค่ทำให้เสร็จ แต่จะคิดว่าเขาจะทำอะไรได้อีก จะเพิ่มอะไรได้บ้าง จะเติมคุณภาพอะไรลงไป ฯลฯ นี่คือลักษณะของคนที่มีความสุข
.
เมื่อมีกิจกรรมเฉพาะกิจ เช่น การแพ็คถุงยังชีพ เราจะเจอบ่อยๆ ที่พนักงานจะถามว่า เขาอยากช่วยตรงนี้เพิ่มได้ไหม เขาช่วยปรับวิธีทำเพื่อให้ดีขึ้น ฯลฯ และเมื่อเกิดเหตุอะไรก็ตามในบริษัท พนักงานที่มีจิตอาสามักจะออกมาช่วย ออกมาอาสา อย่างเช่นเมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว พนักงานเหล่านี้ก็จะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ออกมาช่วยในจุดรวมพล
.
กิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาวะในอนาคต
ในปีที่จะถึงนี้ ทุกสัปดาห์ที่สามของทุกเดือนเราจะจัดกิจกรรมฟังสร้างสุขที่สำนักงานใหญ่ และจะมีอีเว้นต์ใหญ่ในเดือนกันยายน ซึ่งจะเป็นการจัดกิจกรรมจิตอาสา 1 วันเต็ม ในชื่อ MTL Volunteer Expo ซึ่งเราจัดต่อเนื่องมา 2 ปีแล้ว ทั้งกิจกรรมหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ รวมถึงกิจกรรมการฟังด้วย
.
เอาล่ะ ผู้อ่านคงจะปะติดปะต่อภาพได้ว่า องค์กรจะบ่มเพาะความใส่ใจ การฟัง การเป็นผู้ให้ ให้กลายเป็นเนื้อเป็นตัว เป็นความสุขที่อบอวลอยู่ในสำนักงานและเป็นความสุขในการทำงานนั้นเป็นไปได้จริงๆ
.
………………………………………………………….
