เราอาจจะเผลอคิดไปว่าเพื่อนร่วมงานก็เป็นหนึ่งในเช็กลิสต์ของเรา ความสัมพันธ์มีแต่งานเป็นหลัก การได้นั่งลงด้วยกัน คนหนึ่งพูด คนที่เหลือฟัง เป็นช่วงเวลาของการจูนเข้าหากัน เชื่อมโยงถึงกัน เห็นความเป็นมนุษย์ของกันและกัน  

.

  • ทุกคนตกอยู่ในสภาพที่งานกองท่วมตรงหน้าแล้วก็ต้องลุยฝ่ามันไป การได้นั่งฟังกันทำให้พวกเราได้ยินกัน ได้ซ่อมแซม ได้เข้าใจกันอีกครั้ง
  • การพูดความรู้สึกหนักๆ ออกมา อาจไม่ได้กลายเป็นภาระของใคร แต่การฟังความรู้สึกนั้น ทำให้รู้ว่าได้เข้าใจกันมากขึ้น
  • เพื่อนของเราเป็นคนคนหนึ่ง เมื่อได้ฟัง ได้ยินวิธีคิด เห็นแรงบันดาลใจ เห็นแล้วว่าเพื่อนเป็นมนุษย์ธรรมดา มันทำให้เราเปิดใจเข้าหากัน งานก็ราบรื่นขึ้น

.

หลังจากงานใหญ่เสร็จสิ้น ในหลายครั้งความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมงานก็มักสิ้นสุดลงเช่นกัน สาเหตุหลักมาจากความตึงเครียด ความบีบคั้นจากกรอบเวลา และแรงกดดันระหว่างการทำงาน ดังนั้นเมื่อภารกิจงานมหกรรมเพื่อความยั่งยืน (GCNT EXPO 2025) เสร็จสิ้นลง ทีม support จึงได้เตรียม retreat ขนาดย่อมสำหรับเจ้าหน้าที่ของสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand – GCNT) ผู้ขับเคลื่อนงานได้พูดคุยและรับฟังกันและกัน 1 วันเต็ม เป็นโอกาสแห่งการขอบคุณ การชื่นชมกันและกัน ได้พูดและได้ฟังอย่างเต็มที่ กระชับมิตรภาพให้แน่นแฟ้น และความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน 

.

ความสุขประเทศไทยได้โอกาสพิเศษสัมภาษณ์ทีมงานหลัก 4 คน ได้แก่ คุณพิมพ์สิรินุช บ่อทรัพย์ (ติ้ง) คุณวิภาวี อนันตศักดิ์ (พลอย) คุณอรวรีว์ วัฒนเวชรัตน์ (แซง) และ คุณเพ็ญพิชชา จรรย์โกมล (สโนว์) พวกเขารู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อมีประสบการณ์ตรงของการได้พูดและได้ฟังอย่างเต็มที่.

.


คุณพิมพ์สิรินุช บ่อทรัพย์
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารองค์กรและการตลาด 
เพื่อนของเราเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ เมื่อได้ฟังเขาพูด ได้ยินวิธีคิด เห็นแรงบันดาลใจในชีวิต ทำให้เราเชื่อใจกันมากขึ้น หากได้เห็นว่าเพื่อนก็เป็นมนุษย์ธรรมดาจะทำให้เราเปิดใจเข้าหากัน ยอมรับแง่มุมต่างๆ มากขึ้น

.

คุณติ้ง – พิมพ์สิรินุช บ่อทรัพย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารองค์กรและการตลาด 

สมาคมฯ GCNT เป็นสำนักงานขนาดเล็ก แต่ภารกิจเยอะ ทุกคนมีภารกิจต้องรับผิดชอบ จนบางทีเราอาจจะเผลอคิดไปว่าเพื่อนร่วมงานก็เป็นหนึ่งในเช็กลิสต์ของเรา เช่น เดี๋ยวไปประชุมกับคนนี้ แล้วต้องส่งงานให้คนนั้น ฯลฯ ความสัมพันธ์มีแต่งานเป็นหลัก ไม่ได้รู้จักกันอย่างลึกซึ้ง การได้ฟังกันจริงๆ ในวันนั้นติ้งว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยาก ทุกคนได้นั่งลงด้วยกัน คนหนึ่งพูด คนที่เหลือฟัง เป็นช่วงเวลาของการจูนเข้าหากัน เชื่อมโยงถึงกัน เห็นความเป็นมนุษย์ของกันและกัน  

.

เพื่อนของเราเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ เมื่อได้ฟังเขาพูด ได้ยินวิธีคิด เห็นแรงบันดาลใจในชีวิต มันทำให้เราเชื่อใจกันมากขึ้น เห็นเพื่อนในแง่มุมที่ลึกซึ้งมากขึ้น แม้ว่าความขัดแย้งจะเป็นธรรมดาในการทำงาน แต่หากได้เห็นว่าเพื่อนก็เป็นมนุษย์ธรรมดา มันทำให้เราเปิดใจเข้าหากัน และยอมรับแง่มุมต่างๆ มากขึ้น สื่อสารได้มากขึ้น งานก็ราบรื่นขึ้นในบางแง่มุม

.


คุณวิภาวี อนันตศักดิ์
ดูแลงานบุคลากร กฎหมาย พันธกิจขององค์กร ยุทธศาสตร์และเป้าหมาย 
ก่อนหน้านี้คิดว่า ถ้าพูดความรู้สึกหนักๆ ออกมา มันจะกลายเป็นภาระของเพื่อน แต่การฟังทำให้รู้ว่า จริงๆ แล้วเพื่อนก็พร้อมที่จะรับฟังเรา ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น

.

คุณพลอยวิภาวี อนันตศักดิ์ ดูแลการดำเนินงานขององค์กรเช่น งานบุคลากร  กฎหมาย พันธกิจขององค์กร เอกสารสำคัญ ยุทธศาสตร์และเป้าหมาย ฯลฯ ขับเคลื่อนงานสิทธิมนุษยชน การต่อต้านการทุจริต สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาคนรุ่นใหม่ 

.

ปกติแล้วพลอยว่า พลอยจัดการอารมณ์และความเครียดของตัวเองได้ค่ะ แต่ช่วงงาน expo นับเป็นครั้งแรกที่พลอยรู้สึกว่าจัดการความรู้สึกได้ยาก ไม่ค่อยแจ่มชัด การได้ฟังกันใน team retreat ทำให้พลอย เข้าใจมุมมองของคนอื่นมากขึ้น ได้พูดความรู้สึกออกมา ปกติพลอยไม่ค่อยพูดประเด็นลึกๆ การฟังกันในวันนั้นทำให้พลอยเรียนรู้ที่จะ express มากขึ้น ทำให้รู้ว่าถ้าวันไหนไม่ไหว เราแบ่งปันความรู้สึกกับเพื่อนร่วมงานได้ มันไม่ผิด

.

ก่อนหน้านี้พลอยคิดว่า ถ้าพูดความรู้สึกหนักๆ ออกมา มันจะกลายเป็นภาระของเพื่อน แต่การฟังในวันนั้นทำให้รู้ว่า จริงๆ แล้วเพื่อนก็พร้อมที่จะรับฟังเรา ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น ปกติพลอยพยายามเข้าใจทุกคน เคยคิดว่าเข้าใจเพื่อนๆ อยู่ระดับหนึ่ง แต่หลังจากได้ฟังกันในวันนั้น รู้สึกว่าเข้าใจลึกขึ้น 

.

แม้งาน expo จบลงด้วยดีแต่พลอยรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างยังไม่ราบรื่น แต่เมื่อมี team retreat พวกเราเชื่อมั่นในกันและกันมากขึ้น ได้เห็นจริงๆ ว่า ไม่มีใครตั้งใจที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ ทุกคนอยากให้งานออกมาดี แต่ด้วยความกดดันต่างๆ ทำให้ท่าที น้ำเสียง เปลี่ยนไป แต่ไม่มีใครอยากจะทำร้ายความรู้สึก พลอยรู้สึกว่าเรื่องนี้เอามาประยุกต์ได้ทั้งในงานและชีวิตนะคะ

.

คุณเพ็ญพิชชา จรรย์โกมล
เจ้าหน้าที่ดูแลโปรแกรมธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน 
ชีวิตของเราสั้น เกินกว่าที่จะฟังทุกคน เก็บคำพูดของทุกคนมาคิด แต่เราจำเป็นต้องฟังเสียงตัวเอง ฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเรา

.

คุณสโนว์ – เพ็ญพิชชา จรรย์โกมล เจ้าหน้าที่ดูแลโปรแกรมธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ส่งเสริมภาคธุรกิจให้มีการส่งเสริมและดูแลสิทธิมนุษยชน 

ความสัมพันธ์ของโนว์กับเพื่อนๆ เราคุยเล่นกันได้ปกติ แต่ยังมีกำแพงกับบางคนซึ่งโนว์คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่การที่เราได้มีโอกาสฟังกัน แชร์ความรู้สึกกัน เพื่อนกล้าพูดความในใจ เป็นอะไรที่ดีมากๆ ทำให้เรากล้าคุยเล่นกับเพื่อนมากขึ้น กล้าบอกความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น

.

ตอนแรกรู้สึกลังเลใจที่จะเข้าร่วมกิจกรรมนี้ค่ะ มีความไม่แน่ใจว่า ทำไปผลจะเป็นอย่างไร ด้านหนึ่งก็รู้ว่าตัวเองเป็นคนที่อาจจะชอบตัดสิน จึงกลัวการถูกตัดสินเช่นกัน แต่คิดว่าสิ่งเดียวที่เราทำได้ก็คือเปิดใจของเรา 

ที่ผ่านมาก็คิดแค่ว่ามาทำงาน แต่ในวันนั้นที่ได้ฟังกัน นั่นคือโอกาสที่ได้รู้จักเขา เกิดความเชื่อใจระหว่างกันมากขึ้น เราเปิดเผยอีกด้านของเรา เขาแชร์เรื่องราวของเขา เห็นตัวของเขาในแง่มุมที่ลึกขึ้น จึงทำให้เราก็รู้สึกเปิดใจที่จะเข้าใจ เป็นประสบการณ์ที่ดีระหว่างกัน 

.


คุณอรวรีว์ วัฒนเวชรัตน์
operation and event manager 
เมื่อเราได้ฟังคนอื่น ทำความเข้าใจคนอื่น ทำให้ย้อนกลับมาถามตัวเองว่า “แล้วเราฟังตัวเองบ้างไหม เคยทำความเข้าใจตัวเองบ้างมั้ย ให้โอกาสตัวเองผิดพลาดได้บ้างไหม เราเป็นอะไรที่ไม่ใช่ได้บ้างหรือเปล่า”

.

คุณแซง – คุณอรวรีว์ วัฒนเวชรัตน์ Operation and Event Manager ดูแลกิจกรรมที่เป็น event ของสมาคม งานของแซงมีความกดดันสูง เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ทั้งในองค์กรและนอกองค์กร มีความขัดแย้งง่ายกว่างานส่วนอื่น การได้นั่งฟังกันจริงๆ โดยไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวข้องแซงว่ามันดีมากๆ ทำให้เราเข้าใจกัน

.

ในช่วงของการขับเคลื่อนงาน พวกเราไม่มีเวลาดูแลความรู้สึกกัน ทุกคนตกอยู่ในสภาพที่มีงานกองอยู่ตรงหน้าแล้วก็ต้องลุยฝ่ามันไป ไม่มีเวลาที่จะอ่อนโยน การได้นั่งฟังกันทำให้พวกเราได้ยินกัน ได้ซ่อมแซมความสัมพันธ์ และเข้าใจกันมากขึ้น 

.

ความรู้สึกในงาน กับ ความเป็นมืออาชีพ

แซง: แซงเคยเชื่อว่า คนที่เป็น professional ควรจะแยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวได้ 100% แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น บางทีตัวเราไม่ได้คิดอะไรเลย แต่อีกฝ่ายอาจจะคิดไปไกลแล้ว แซงคิดว่าตัวเองเป็นคนตรงไปตรงมามาก จนคนอื่นอาจคิดไปว่าแซงก้าวร้าว แต่แซงไม่มีอะไรซับซ้อน คิดว่าถ้าไม่เห็นด้วยเขาก็คงพูดออกมา แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่ บางคนเข้าใจแต่บางคนไม่พอใจ  บางทีเราอาจจะทำให้เขารู้สึกแย่โดยที่เราไม่ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็ต้องมาปรับที่ตัวเรา ถ้าเราเร็วเกินไปก็ปรับให้ช้าลง ถ้าเรารู้ว่าอารมณ์ภายในกำลังมา เราจะต้องหาเวลาไปดูแลให้มันสงบก่อน อะไรแบบนั้น

.

สโนว์: โนว์ว่าสิ่งที่ได้จากการฟังในวันนั้นคือเราจะจัดการความรู้สึกภายในของตัวเองอย่างไร รู้จักวิธีปกป้องตัวเองให้พอเหมาะพอดี เราจะฟังอะไรแค่ไหน บางเรื่องปล่อยผ่านไปอาจจะดีกว่า เรามีงาน มีสิ่งที่ต้องทำ และเราเองก็ควรจะได้ทำงานอย่างมีความสุข 

.

ติ้ง: คนรุ่นสามสิบกว่าๆ อย่างพวกเราคาดหวังความเป็นมืออาชีพ งานมาก่อน เรื่องส่วนตัวเอาไว้ทีหลัง แต่คนในวัยยี่สิบต้นๆ อาจจะปกติมากที่มาถึงที่ทำงานแล้วบอกว่า “วันนี้หนูทะเลาะกับแฟน ไม่มีอารมณ์ ไม่มี passion ที่จะทำงานเลย”  คนในวัยนั้นไม่ได้มีความกดดันว่าจะต้องเป็น ‘มืออาชีพ’ เขาไม่รู้สึกแปลก เขาไม่แยกอารมณ์ออกจากเรื่องงาน  ถ้าเขาไม่พร้อมเขาก็จะบอกว่าเขาไม่พร้อม นี่คือความต่างของคนแต่ละรุ่น เช่นเดียวกับ คนรุ่นก่อนที่จะดุ ด่า รุ่นน้องอย่างรุนแรง เพราะเขาเชื่อว่านั่นคือการสอน

.

เมื่อพวกเราได้ฟังกัน เรามีพื้นที่ที่เราจะแชร์ความคิด ความเชื่อ ความรู้สึก มันทำให้เรามีฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานโดยไม่ต้องโฟกัสแต่งานร้อยเปอร์เซ็นต์ ติ้งคิดว่า emotional กับ mental well-being น่าจะเกี่ยวข้องกับการทำงาน การได้ฟังกันก็ช่วยให้เปลี่ยนมุมมองได้ ได้เข้าใจใหม่ๆ มากขึ้น

.

แซง: แซงเห็นด้วยที่ว่า คนรุ่นเราให้ความสำคัญกับ ความเป็นมืออาชีพ ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ ไม่สนใจดรามา ความคิดแบบนี้จึงทำให้เราผ่านทุกเรื่องมาได้ 

.

การฟังกันได้คือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในองค์กร

แซง – แซงว่าตัวเองพยายามทำความเข้าใจคนอื่นๆ อยู่ตลอด บางครั้งก็รู้สึกผิดว่าเราใส่ใจน้อยไปหรือเปล่า เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า สิ่งที่สำคัญจากการฟังในวันนั้น คือ นอกจากฟังคนอื่น เราต้องฟังตัวเราด้วย ถ้าทำความเข้าใจคนอื่นแล้วเราต้องทำความเข้าใจตัวเราเองด้วย บางทีอารมณ์ของเรา ท่าทีของเรา กลายเป็นเรื่องผิด การมุ่งผลลัพธ์กลายเป็นเรื่องผิด ทำให้รู้สึกแย่กับตัวเอง เมื่อเราได้ฟังคนอื่น ทำความเข้าใจคนอื่น ทำให้ย้อนกลับมาถามตัวเองว่า “แล้วเราฟังตัวเองบ้างไหม เคยทำความเข้าใจตัวเองบ้างมั้ย ให้โอกาสตัวเองผิดพลาดได้บ้างไหม เราเป็นอะไรที่ไม่ใช่ได้บ้างหรือเปล่า” พอได้ฟังกัน ทุกคนเปิดใจมันก็โอเคเยอะขึ้น

.

ติ้ง – พวกเราไม่ได้เพอร์เฟกต์ที่จะสามารถติ๊กถูกได้ทุกช่องในทุกๆ วัน เพราะฉะนั้นไม่มีความจำเป็นที่เราจะคาดหวังให้ตัวเราดีเลิศ คาดหวังให้เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า พ่อแม่ของเราเป็นคนสมบูรณ์แบบ ทุกคนมีขึ้นมีลง การฟังทำให้เราเห็นว่าชีวิตของเขาเคยผ่านอะไรมา แต่โดยส่วนใหญ่เราไม่รู้เบื้องหลังการกระทำนั้นๆ ติ้งคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะให้พื้นที่คนอื่น และเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะให้พื้นที่ตัวเองด้วย

.

แซง – การได้ฟังกันในวันนั้นทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่า ในการทำงานไม่มีใครตั้งใจที่จะทำให้คนอื่นๆ รู้สึกไม่ดี ดังนั้น งานก็แค่งาน ไม่จำเป็นต้องดราม่า เป็นตายไปกับอารมณ์ มองให้กลางๆ ไว้ น่าจะดีกับใจของเรา และดีกับคนอื่นๆ 

.

พลอย – เห็นคุณค่าของการได้พูด (express) พลอยคิดว่ามันโอเคถ้าเราไม่อยากจะพูด แต่ถ้ามีบรรยากาศพร้อมฟัง เราพูดออกมาก็ได้ มันโอเคที่จะบอกความไม่สบายใจออกมา

.

สโนว์ – ชีวิตของเราสั้น เกินกว่าที่จะฟังทุกคน โนว์ว่าเราไม่จำเป็นต้องฟังทุกคน หรือเก็บคำพูดของทุกคนมาคิด แต่เราจำเป็นต้องฟังเสียงตัวเอง ฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเรา เราไม่จำเป็นต้องรับเก็บทุกเรื่องเข้ามา เพราะทุกคนมีเส้นทางของตัวเอง และมีหน้าที่ที่ต้องทำให้ดีที่สุด

.

พวกเราหลายคนใช้เวลาในที่ทำงานมากกว่าที่บ้าน ใช้เวลากับเพื่อนร่วมงานมากกว่าคนในบ้าน ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานจึงส่งผลต่อสุขภาวะของตัวเรา การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในที่ทำงานนั้นเป็นไปได้ การฟังเป็นกลไกเล็กๆ ที่ช่วยให้ทำงานอย่างมีความสุข ลองติดตั้งโปรแกรมการฟังในที่ทำงานของเราดูนะ

………………………………………………..

ความสุขประเทศไทย
PDPA Icon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save