เหงาได้ ไม่ผิด
ความเหงาเป็นธรรมชาติของเรา ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องโทษตัวเอง ความเหงาเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ พร้อมกันนั้นขอให้รู้ว่า พวกเราอยู่โดยไม่ถูกความเหงาทำร้ายได้ และเราสามารถเป็นเพื่อนกับความเหงา เป็นเพื่อนกับตัวของเรา และเป็นเพื่อนกับคนอื่นได้
.
- ไม่ต้องรู้สึกผิดถ้ารู้สึกเหงา ความเหงาเป็นส่วนหนึ่งในวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์มนุษย์
- ยอมรับธรรมชาติความเป็นตัวเรา ถ้าเหงา ไม่ต้องโทษตัวเอง ไม่ต้องสู้ แค่หาวิธีแก้ปัญหา
- เราเป็นเพื่อนกับตัวเราได้ ถ้าฟังความเหงาของเราได้ รู้ว่าความเหงาต้องการอะไรเราก็ไม่เหงา
.
ธนาคารจิตอาสา ความสุขประเทศไทย และคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำรวจความเหงาของคนไทย ปี 2568 พบว่าคนไทยเหงา 83% โดยแยกเป็นเหงามาก 18% เหงาปานกลาง 65% เหงาน้อย 17% พบข้อมูลที่น่าสนใจคือ คนไทย 1 ใน 5 รู้สึกว่าปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) สามารถให้คำปรึกษาได้ดีกว่าคนในครอบครัวและเพื่อน
.

ความเหงาเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงในชีวิตหลายมิติ อย่างเช่น โรคอ้วน พฤติกรรมเสพติด ความเสี่ยงทางเพศ จอห์น คาซิโอโป (John Cacioppo) นักประสาทวิทยา ผู้เขียนหนังสือ Loneliness: Human Nature and the Need for Social Connection บอกว่า ความเหงาเรื้อรังเพิ่มโอกาสการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 20%
พวกเราจะอยู่โดยไม่เหงาได้ไหม หรืออยู่โดยไม่ถูกความเหงาทำร้ายได้หรือไม่ ชวนฟังมุมมองจาก นพ.ภิญโญ ศรีวีระชัย นายแพทย์ชำนาญการพิเศษประจำศูนย์บริรักษ์ โรงพยาบาลศิริราช
ความเหงากับมนุษย์
ความเหงาเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการมนุษย์ — มนุษย์เป็นสัตว์ที่ไม่ได้มีร่างกายใหญ่โต แข็งแรง หรือดุร้าย พวกเราอยู่รอดและดำรงเผ่าพันธุ์มาได้เพราะพวกเราไม่ได้อยู่คนเดียว ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ต้องอยู่คนเดียว ซึ่งอาจจะเพราะทำผิดกฎ ถูกขับออกจากกลุ่ม ถูกลงโทษ ความหมายของมันก็คือ “แกอาจจะตาย” การอยู่คนเดียว = ไม่รอด ความรู้สึกนี้ผสมผสานทั้งความกลัว ความสิ้นหวัง โดดเดี่ยว และทุกข์ทรมาน — แม้ว่าชีวิตปัจจุบันเปลี่ยนไปมากแล้ว แต่สัญชาตญาณนี้ยังมีแอบซ่อนอยู่ในความเป็นมนุษย์
ในทุกวันนี้ วิถีการใช้ชีวิตของมนุษย์ไม่ได้เป็นเหมือนเดิม พวกเราสามารถดำรงชีพได้โดยลำพัง แต่ความรู้สึกนี้กลับยังคงอยู่ในตัวมนุษย์ เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกเหงา โดดเดี่ยว ความรู้สึกที่มาควบคู่กันคือความรู้สึกผิด รู้สึกไม่ปกติ ทำไมเราเป็นอย่างนี้ล่ะ ทำไมเรารู้สึกเหงา คนอื่นเขาอยู่กันได้ทำไมเราอยู่ไม่ได้ ฯลฯ ซึ่งผมเห็นว่าพวกเราไม่ต้องรู้สึกผิดที่รู้สึกเหงา เหงาได้ ไม่เป็นไรครับ
เมื่อรู้สึกเหงา เราจะทำอย่างไรดี
สิ่งแรกที่ควรทำคือ รู้ ว่ากำลังรู้สึกอย่างนี้ เหงา โดดเดี่ยว ว้าเหว่ ยอมรับว่าตัวเรากำลังรู้สึกอย่างนี้
จากนั้นลองถามตัวเองว่า เราอยากจะทําอย่างไร บางคนแม้จะเหงาแต่ก็ยังพอใจที่จะอยู่ตามลำพัง ผมคิดว่าก็ทำได้ ไม่ผิดอะไร หรือ ถ้ารู้สึกว่า ไม่ใช่นะ! เราอยากอยู่กับใครสักคน อยากโทรหาใครสักคน หรืออยากทำอะไรสักอย่าง หรืออยากอยู่ในที่ที่มีคนแวดล้อมก็ทำได้เช่นกัน ลำดับแรกคือขอให้กลับมาตระหนักที่ตัวเองก่อน
ในกรณีที่เหงาและไม่อยากอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวไม่ได้ รู้ว่าต้องการใครสักคนแต่ไม่มีใครคนนั้น จะทำอย่างไร
ไม่ต้องโทษตัวเองที่รู้สึกอย่างนี้ บางคนจะมีเสียงในหัวที่บอกว่า “ทำไมเราถึงอยู่คนเดียวไม่ได้นะ เรามันแย่จริงๆ” — ไม่เป็นไรครับ มันเป็นธรรมชาติของเรา ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องโทษตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นจากปัญหาหนึ่งจะกลายเป็นอีกปัญหาหนึ่ง
.

อย่าผลีผลามที่จะต้องหาใครสักคน เช่น หาเพื่อนไปดื่ม หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง — บางครั้งพฤติกรรมบางอย่างที่เราทำลงไป ทำเพียงเพราะเราไม่อยากอยู่คนเดียว ค่อยๆ หาวิธีแก้ปัญหาและการแก้ปัญหานั้นจะต้องไม่สร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา
ถ้าต้องการเพื่อนสักคน ลองดูว่ามีใครบ้างที่เราอาจจะโทรหา แชต เฟสไทม์ หรือนัดให้มาเจอกัน ถ้าไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นสมาชิกในครอบครัวจะได้ไหม เป็นญาติ หรือเป็นสัตว์เลี้ยงจะช่วยได้หรือเปล่า หรือถ้าทั้งหมดนี้เป็นไปไม่ได้เลย เราจะลองปรึกษาแพทย์ไหม — การยอมรับธรรมชาติความเป็นตัวเรา และหาวิธีแก้ปัญหา ดีกว่าความรู้สึกว่าต้องสู้ และต้องสู้ตามลำพัง
คุณหมอคิดอย่างไรกับการเข้าพึ่งโลกออนไลน์ หรือ AI แชตบอท
ถ้าการกระทำนั้นเป็นไปเพื่อแก้ปัญหาจริงๆ ผมว่าดี แต่ถ้าทำเพื่อกลบเกลื่อนปัญหา ปัญหาไม่ได้ถูกแก้ หรือ แก้ไม่ถูกวิธี จากปัญหาหนึ่งมันจะกลายเป็นอีกปัญหาหนึ่ง เช่น เหงา อยากคุยกับใครสักคนเลยเข้าเว็บหาคู่ หรือหาเพื่อนออนไลน์ แล้วบังเอิญเจอคนไม่ดี เราจะเจอปัญหาใหม่ ผิดหวัง โดนหลอก เสียใจ ฯลฯ มันจะกลายเป็นความทุกข์ซ้ำๆ และซ้ำซ้อน
ผมคิดว่า พวกเราควรมี mindset ที่ดีต่อตัวของเราเอง นั่นคือ เราสามารถเป็นเพื่อนกับตัวของเราได้ เรื่องนี้อาศัยการบ่มเพาะและเวลา แต่เป็นสิ่งที่ดี เพราะการหวังจะมีใครสักคนที่เขาจะอยู่กับเราทุกเมื่อ ตลอดเวลา เราอาจจะผิดหวังบ่อยๆ และเมื่อผิดหวังบ่อย เราจะรู้สึกโกรธ อ่อนล้า และนำไปสู่ความสิ้นหวัง
ความเหงาน่ากลัว อย่างที่ผมพูดไปแล้ว มีงานวิจัย ของ Julianne Holt-Lunstad ที่บอกว่า ความเหงา 1 วัน เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 15 มวน หรือการดื่มเหล้า 6 แก้ว และมีความเหงาอีกแบบหนึ่ง ที่แม้จะแวดล้อมไปด้วยผู้คนก็ยังรู้สึกเหงา
ความเหงาสองแบบ
คำในภาษาอังกฤษแยกอย่างชัดเจนคือ alone – อยู่คนเดียว กับ loneliness – ว้าเหว่ อ้างว้าง ตัวคนเดียว — ความรู้สึกหลังเป็นความรู้สึกพร่อง รู้สึกเหงาเพราะไม่เห็นใครที่จะเติมความว่างโหวงนั้นให้เต็มขึ้นมา
ถ้าเรามีความรู้สึกแบบนี้ ผมชวนให้ลองสำรวจว่า สิ่งที่เราต้องการเพื่อเติมช่องว่างนั้นคืออะไร เช่น เราอยากได้ความเข้าใจ เพราะรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเราเลย หรือต้องการการชื่นชม หรือเราต้องการการถูกมองเห็น เราอยากให้เขา‘เห็น’เราบ้าง หรือเราต้องการให้เห็นความสำคัญของเรา ฯลฯ — ถ้ารู้ว่า สิ่งที่จะมาเติมช่องว่างที่เป็นรูโบ๋นั้น คืออะไร เราก็จะแก้ปัญหานั้นได้ เพราะเราจะสื่อสารได้ดีขึ้น บอกความต้องการได้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อที่คนรอบตัวก็จะเข้าใจและตอบสนองได้ตรงกับความต้องการของเรา
บางทีคนรอบๆ ตัวเราอยากช่วยให้เราหายเหงา อยากเห็นเรามีความสุข แต่เขาไม่รู้วิธี หรือก็เป็นไปได้ที่วิธีของเขาไม่ถูกใจเรา ไม่ช่วยเรา — ดังนั้น ถ้าเราฟังความเหงา ได้ยินความต้องการของเรา เราจะแก้เหงาได้ครับ
เดือนพฤศจิกายนนี้เป็นเดือนการฟังแห่งชาติ เชิญชวนให้พวกเราลองใช้การฟังเพื่อลดทอนความเหงา ดูแลความเหงาในตัวของเราด้วยการฟังตัวเอง ดูแลเพื่อนและคนรอบตัวด้วยการตั้งใจฟัง หรือลงไม้ลงมือ สวมรองเท้าออกจากบ้านด้วยการเป็นจิตอาสา รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัว เหล่านี้ล้วนเป็นวิธีการที่ลดทอนความเหงาได้
…………………………………………………
บทเรียนย่อยเพื่อฝึกทักษะการฟัง https://www.happinessisthailand.com/category/microlearning/deep-listening/
บทเรียนย่อยเพื่อฝึกทักษะการดูแลอารมณ์ https://www.happinessisthailand.com/category/microlearning/microlearning-resilience/page/2/






