8 เส้นทางความสุข

กล่องปฐมพยาบาลอารมณ์

การเคลื่อนไหวเป็นกลไกของความสุขที่ติดตั้งอยู่ในร่างกาย เป็นกลไกช่วยแทรกแซงความรู้สึกห่อเหี่ยว ไร้ค่า ไร้ความหมาย ดังนั้น หากรู้สึกซึมเซา ห่อเหี่ยว เบื่อหน่าย ท้อแท้ ขอให้เริ่มขยับร่างกาย
.

  • ร่างกายมีกลไกสร้างความสุขให้เราอยู่แล้ว แต่กลไกนี้ต้องการการกระตุ้นจึงจะทำงานได้ การเคลื่อนไหวร่างกายคือการกระตุ้นกลไกนั้น
  • การเคลื่อนไหวร่างกาย เป็นการป้อนข้อมูลให้สมอง การป้อนข้อมูลที่ต่างกันให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน การผลักดันให้เคลื่อนไหวด้วย ‘ความไม่ชอบ’ จะเกิดแรงต้าน ตรงกันข้ามกับการให้แรงจูงใจด้านบวก จะช่วยให้ทำได้นานและยั่งยืนกว่า
  • การขยับร่างกายเล็กๆ น้อยๆ อย่างรู้ตัวเป็นการส่งสัญญาณไปยังสมอง กระตุ้นความรู้สึกว่ามียังมีบางอย่างที่ควบคุมได้ เป็นกลไกแทรกแซงความรู้สึกห่อเหี่ยว ไร้ค่า

.


ในยุคสมัยของพวกเรา ไม่มีใครไม่รู้ว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องดี แต่รู้แล้วจะลงมือทำหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มีงานวิจัยมากมายที่ยืนยันว่า การออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวร่างกาย ช่วยป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่คร่าชีวิตผู้คนอันดับหนึ่งของโลก หนังสือ เบิกบานจากการเคลื่อนไหว (The Joy of Movement) โดย เคลลี่ แมคกอนิกอล (Kelly McGonigal, PhD) นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด เขียนไว้ว่า “การเคลื่อนไหวเป็นกลไกของความสุขที่ติดตั้งอยู่ในร่างกายของเราเอาไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงแค่การลงมือทำ” ดังนั้น การเคลื่อนไหวไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพทางกาย แต่ส่งผลต่อสุขภาพจิต อารมณ์ และส่งผลต่อสุขภาวะของชีวิตในองค์รวม


การเคลื่อนไหวคือกลไกของความสุข
เคลลี่ แมคกอนิกอล (Kelly McGonigal, PhD) นักจิตวิทยา และเจ้าของผลงาน The Joy of Movement บอกว่าการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นกลไกของความสุขซึ่งมีอยู่แล้วในตัวของเรา กลไกนี้ถูกติดตั้งไว้แล้วเพียงอาศัยการกระตุ้นจึงจะถูกปลุกให้ทำงาน เมื่อร่างกายเคลื่อนไหว เซลล์ประสาทถูกกระตุ้นจะเกิดการหลั่งฮอร์โมนที่ให้ความสุขหลายชนิด ซึ่งนั่นคือการปฐมพยาบาลอารมณ์


เมื่อเคลื่อนไหวร่างกาย โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวอย่างรู้ตัวและโดยสมัครใจ จะปลุกกลไกในสมองให้เริ่มสื่อสารกัน ด้วยการหลั่งฮอร์โมนหลายชนิด เช่น โดพาร์มีน ที่ทำให้รู้สึกประสบความสำเร็จ มีแรงจูงใจอยากจะทำอีก เซโรโทนินทำให้รู้สึกสงบ สบาย มั่นคง และเอนโดฟิน ฮอร์โมนทำให้รู้สึกแช่มชื่น กระปรี้กระเปร่า — เพียงการขยับตัวตามจังหวะดนตรีในบ้าน การเดินเล่นกับน้องหมาน้องแมว ฮอร์โมนแห่งความสุขเหล่านี้ก็หลั่งออกมาเช่นกัน ความเข้มข้นอาจจะน้อย แต่ก็ยังส่งผลให้ร่างกายรู้สึกดี


ปัจจุบันเราเคลื่อนไหวน้อยลง ติดจอมากขึ้น มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง ซึ่งมีผลเสียทั้งด้านสุขภาพกายและอารมณ์ การเคลื่อนไหวคือการปลุกกลไกแห่งความสุขให้กลับมาทำงานอีกครั้ง


การเคลื่อนไหวเป็นการปฐมพยาบาลอารมณ์
โดยปกติเมื่อมีความเจ็บป่วย-ป่วยหนัก เรามักจะอยากอยู่นิ่งๆ ขดตัว หยุดการขยับเขยื้อน ทันทีที่มีการขยับของร่างกายแม้เพียงเล็กน้อย นั่นเป็นสัญญาณว่าการฟื้นคืนได้เริ่มขึ้นแล้ว เช่น การขยับเปลือกตา การขยับริมฝีปากเพื่อสื่อสาร การขยับปลายนิ้ว และหากร่างกายเคลื่อนไหวได้มากขึ้น เช่น ลุกจากที่นอนได้ เดิน นั่นคือสัญญาณของการฟื้นตัวจริงๆ — ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับความเจ็บปวดทางอารมณ์ เมื่อเกิดภาวะซึมเศร้า หดหู่ สูญเสีย เรามักจะซุกตัวอยู่ในที่นอน ไม่อยากเคลื่อนไหว ดร.เคลลี่ เสนอว่า เมื่อมีความเจ็บป่วยไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย หรือทางอารมณ์ ขอให้เริ่มขยับร่างกายเล็กๆ น้อยๆ อย่างรู้ตัวทันที เช่น กระดิกนิ้วโป้งเท้า กระดิกหัวแม่มือ เพื่อส่งสัญญาณไปยังสมอง กระตุ้นสมองและความรู้สึกของการควบคุมได้ (sense of personal control) ‘ฉันยังโอเคนะ ฉันไม่ได้สูญเสียการควบคุมไปทั้งหมด’ ‘ทุกอย่างที่ดูเหมือนว่าหลุดออกจากการควบคุมของฉัน ยังมีสิ่งเล็กๆ ที่ฉันยังเชื่อมั่นได้’ — การเคลื่อนไหวเล็กๆ คือกลไกแทรกแซงความรู้สึกห่อเหี่ยว ไร้ค่า ไร้ความหมาย ดังนั้น หากรู้สึกซึมเซา ห่อเหี่ยว เบื่อหน่าย ท้อแท้ ขอให้เริ่มขยับร่างกายเล็กๆ น้อยๆ อย่างรู้ตัว


การเคลื่อนไหวกับการเติบโตและเยียวยาจิตวิญญาณ
ในแง่หนึ่ง การเคลื่อนไหวร่างกายสามารถสนับสนุนการเติบโตด้านจิตวิญญาณได้ เช่น การเดินในธรรมชาติโดยเฉพาะการเดินในลักษณะของการจาริก (pilgrimage) ซึ่งการเดินในลักษณะนี้เป็นการพาให้ตัวของเราเชื่อมโยงกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า กระตุ้นความรู้สึกทึ่งในความอัศจรรย์ของธรรมชาติ เกิดความเคารพ ยำเกรง (awe) รวมไปถึงความรู้สึกนอบน้อม ผสมกับความรู้สึกอิ่มเอมและภาคภูมิใจเป็นชั่วขณะอันแสนอัศจรรย์ เช่น นายทหารผ่านศึกคนหนึ่งที่เยียวยาตนเองผ่านการเดินในป่าตามลำพัง บางคนสามารถเยียวยาบาดแผลในอดีตได้ผ่านการเต้นรำในธรรมชาติ


คุณครูพิลาทิสคนหนึ่งเคยสัมภาษณ์ว่า “การฝึกพิลาทิสทำให้รู้จักร่างกายมากขึ้น ได้เห็นและรู้จักร่างกายแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ร่างกาย กล้ามเนื้อ ช่างน่าอัศจรรย์” และทำให้เธอเข้าใจคำสอนของพระอาจารย์ ติช นัท ฮันห์ (Thich Nat Hanh) ที่ว่า กายกับใจเป็นหนึ่งเดียวกัน (ลิงก์บทสัมภาษณ์อยู่ท้ายบทความ)


กิจกรรมกาวใจ ความสุขเพิ่มขึ้นเมื่อเคลื่อนไหวเป็นกลุ่ม
เคลลี่ แมคกอนิกอล ระบุว่าคนเราจะมีความสุขมากขึ้นอีก หากเคลื่อนไหวเป็นหมู่คณะ เคลื่อนไหวในจังหวะเดียวกัน สิ่งนั้นเรียกว่า ‘ความเบิกบานร่วม – collective joy’ เช่น ชี่กงพร้อมๆ กัน ปั่นจักรยานในจังหวะเดียวกัน การเต้นซุมบ้า และการอยู่ในขบวนวิ่งมาราธอน ฯลฯ


การเคลื่อนไหวแบบกลุ่มก่อให้เกิดความร่วมแรงร่วมใจ การเกื้อกูลกัน วางใจ ส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยน้อยกว่า อดทนได้มากกว่า ในทางวิทยาศาสตร์พบว่า การเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มทำให้สมองหลั่งเอนโดฟินง่ายกว่าการทำตามลำพัง ความเข้มข้นของฮอร์โมนที่หลั่งออกมาสัมพันธ์กับความหนักเบาของกิจกรรม แต่ผลลัพธ์โดยพื้นฐานไม่ต่างกัน — แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวเบาๆ เช่น การเดินเล่นในหมู่บ้านร่วมกับเพื่อนบ้าน การปั่นจักรยานด้วยกันเป็นครอบครัว ก็ส่งผลให้เกิดความเบิกบานร่วมได้ และยังส่งผลต่อพฤติกรรมเชิงสังคมในอนาคตด้วย เช่น มีแนวโน้มที่จะร่วมไม้ร่วมมือกันมากขึ้น ไว้วางใจ เป็นกิจกรรมกาวใจทางสังคม (social glue)


เคลื่อนไหวเพราะรัก มิใช่เพราะเกลียดชัง และเริ่มจากสิ่งเล็กๆ
การเคลื่อนไหวร่างกาย เป็นการป้อนข้อมูลให้สมอง การป้อนข้อมูลที่ต่างกันให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน การเคลื่อนไหวร่างกายด้วย ‘ความไม่ชอบ’ จะเกิดแรงต้าน ทำให้เหนื่อยง่าย สุขน้อย เช่นการมุ่งลดน้ำหนักเพราะไม่ชอบน้ำหนักส่วนเกิน ความเกลียดชังร่างกาย การมุ่งเอาชนะ ฯลฯ — มุมมองแบบนี้ให้ผลดีสำหรับบางคนเท่านั้น เพราะมันใช้พลังงานมาก หมดพลังระหว่างทางได้ง่าย (ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอาศัยเวลาและปัจจัยแวดล้อม)


ตรงกันข้ามกับ การให้แรงจูงใจด้านบวก เช่น นี่คือการมอบโอกาสให้ร่างกายมีความสุข นี่คือการให้สิ่งที่ร่างกายของเราต้องการ — การเคลื่อนไหวที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความรัก จะช่วยสร้างอารมณ์ด้านบวกในหลากหลายมิติ และมีความยั่งยืนกว่า และทุกคนสามารถเริ่มได้ ด้วยการกระทำเล็กๆ เช่น ให้รางวัลร่างกายด้วยการลุกจากเก้าอี้ 3 นาที เพื่อยืดเหยียด หรือ เดินขึ้นบันไดสัก 2-3 ชั้น เพื่อให้รางวัลแก่ขาของเรา เหล่านี้เป็นการบ่มเพาะนิสัยใหม่ของการเคลื่อนไหว


ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำตรงกันว่า การออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที 2-3 ครั้ง /สัปดาห์ ช่วยป้องกันโรคกลุ่ม NCDs ได้ หากผู้อ่านยังรู้สึกยาก จัดสรรเวลาไม่ได้ ก็ขอเพียงเริ่มจากการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ บ่อยๆ ในชีวิตประจำวันก็ได้เช่นกัน ขอให้พวกเราเริ่มปลุกกลไกแห่งความสุขในตัวของเราให้ทำงาน และขอให้กลไกนี้ได้ทำงานบ่อยๆ สม่ำเสมอ ในทุกๆ วัน


เริ่มเลย
ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ นั่ง นอน หรือยืน ? กลับมาสังเกตว่าตอนนี้พลังงานในตัวเป็นอย่างไร
ลุกขึ้นยืน ยกแขนให้สุด ยืดตัว หายใจเข้าลึกๆ ก้มตัวลง หายใจออกยาวๆ ทำสัก 2 ครั้ง
ยืนตัวตรง แล้วบิดตัวไปทางซ้าย ไปทางขวา ทำสัก 2 ครั้ง
ลองยืนด้วยปลายเท้า (เขย่ง) ทำ 2-3 ครั้ง
ลองบิด ยืด เหยียด อย่างที่ร่างกายอยากทำ
กลับมายืนนิ่งๆ ลองฟังร่างกาย ตอนนี้ร่างกายรู้สึกอย่างไร
สังเกตอีกครั้ง ตอนนี้พลังงานในตัวเป็นอย่างไร

ชวนอ่านประสบการณ์ตรง การเคลื่อนไหวร่างกายที่สามารถพลิกฟื้นอารมณ์และค้นพบเป้าหมาย https://www.happinessisthailand.com/2022/08/29/spiritual-health-movement-love/
https://www.happinessisthailand.com/2022/07/15/spiritual-movement-pilates-meditation/

การเคลื่อนไหวร่างกาย

8 ช่องทางความสุข

ความสุขประเทศไทย
PDPA Icon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save