8 ช่องทางความสุข

ความสุขอยู่ไม่ไกล เพียงอยู่ที่เราเลือกมอง

เรื่อง : วรรณรดา สุราช

ใครๆ ก็ต้องการความสุข อยากให้สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตกันทุกคนใช่ไหมคะ?

.

ความสุขของแต่ละคนอาจจะเหมือนหรือต่างกันไป

ดี ไม่ดี ที่แต่ละคนคิดอาจไม่เหมือนกัน

บางคนมองว่าบางเรื่องนั้นแสนธรรมดา

แต่บางคนกลับมองเห็นว่าสิ่งธรรมดานั้นช่างดีเหลือเกิน

.

หรือบางอย่างที่เคยทำให้เรารู้สึกดี นานวันเข้าก็กลับรู้สึกเฉยๆ เห็นเป็นเรื่องธรรมดา

ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขหรือรู้สึกว่าสิ่งนั้นมันดีเสียแล้ว

เคยเป็นแบบนี้กันบ้างหรือเปล่าคะ?

.

มีใครเคยมานั่งคิดไหมคะ ว่าอะไรคือสิ่งดีๆ ในชีวิตของเรา

บางคนอาจบอกว่าสิ่งดีๆ ในชีวิตมีมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว

แต่บางคนก็อาจคิดว่าแทบไม่เคยพบเจอสิ่งดีๆ ในชีวิตเลย

สำหรับใครที่คิดแบบหลัง

อยากให้ลองอ่านเรื่องราวในบรรทัดถัดไปดูค่ะ

.

.

#1 หลายครั้งช่วงที่เป็นหวัด จมูกก็จะตันๆ โดยเฉพาะเวลาจะนอน

หรือนอนไปแล้วก็ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะหายใจไม่ค่อยออก

พอหายจากหวัด ก็รู้สึกว่าการหายใจด้วยจมูกที่โล่งๆ นี่ช่างดีจริงๆ

.

.

#2 ย้อนกลับไปตอนมัธยมต้น มีช่วงหนึ่งที่หูแอลไม่ค่อยได้ยินอะไร

มีวันหนึ่งครูเรียกอยู่หลายครั้งกว่าเราจะหันไป

ครูก็ต่อว่าหาว่าเราแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

แอลไม่ได้แกล้ง แต่มันไม่ได้ยินจริงๆ

สุดท้ายก็เลยไปหาหมอ

หมอบอกว่าน่าจะเป็นเพราะใช้คอตตอนบัด

นานวันเข้าขี้หูก็อุดเข้าไปข้างในและแพ็กตัวแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ

แล้วหมอก็ค่อยๆ ใช้เครื่องมือ “ขุด” เอาขี้หูที่อยู่ลึกๆ ออกไป

เจ็บมาก…แต่ก็ดีใจมากที่กลับมาได้ยินเป็นปกติอีกครั้ง

หลังจากนั้นแอลก็แทบไม่ได้ใช้คอตตอนบัดอีก

และรู้สึกขอบคุณคุณครูท่านนั้นที่ทำให้เรารู้ตัวว่าหูไม่ปกติ

.

.

#3 หลายปีก่อนแอลต้องเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกที่ปีกมดลูก

เนื้องอกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 7 เซนติเมตร!

หลังผ่าตัดต้องพักอยู่ที่บ้านนาน 1 เดือนเพื่อให้แผลสมานกัน

ช่วงนั้นเวลาเดินก็ต้องค่อยๆ เดิน

หมอบอกให้เดินขึ้นลงบันไดแค่วันละรอบก็พอ ถ้าเยอะไปแผลอาจปริได้

และเวลาจะไอจะจามก็ให้เอาหมอนมากอดไว้

แต่ในชีวิตจริงคนจะไอหรือจามเราไม่ได้รู้ล่วงหน้านานนัก

และเราก็ไม่ได้กอดหมอนอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นไอ จาม หรือหัวเราะแต่ละที ก็จะมีเสียงโอยตามมาทุกครั้ง

ตอนนี้หลังจากแผลหายสนิทแล้ว

เวลาไอ จาม หัวเราะ ก็ไม่ต้องร้องโอยๆ อีก

จะเดิน กระโดด หรือขึ้นลงบันไดกี่รอบ ก็ไม่เจ็บแผลเลย

.

.

#4 ต่อมาแอลก็มีอาการตาแห้งมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้เกี่ยวกับการผ่าตัดครั้งก่อน

แต่เป็นเพราะการใส่คอนแท็กต์เลนส์มายาวนาน ใส่ทุกวันตั้งแต่อยู่มัธยมต้น

มีอาการเคืองตา แสบตาอยู่เรื่อยๆ

หมอบอกว่า ถ้าจะใส่คอนแท็กต์เลนส์ต่อ ให้ใส่ได้แค่วันละไม่เกิน 4 ชั่วโมงเท่านั้น หรือไม่ก็ใส่แว่นไปเลย

แต่เวลาแอลใส่แว่นแล้วจะปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับ และก็เจ็บหูด้วย

เพราะสายตาสั้นมากถึง 700 แว่นก็เลยหนาและหนัก

สุดท้ายเลยตัดสินใจทำเลสิก ผ่าตัดเพื่อแก้ไขสายตาโดยใช้เลเซอร์

ทุกวันนี้จึงใช้ชีวิตสบาย แม้ยังต้องหยอดน้ำตาเทียมอยู่บ้าง

แต่ตาก็ไม่ค่อยแห้งเหมือนแต่ก่อนแล้ว

และจะใส่แว่น (ตัดแสงสีฟ้า) ก็เฉพาะเวลานั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์

เพราะหลังผ่าตัดตาจะเซนซิทีฟกับแสงมากกว่าปกติ

ตื่นมาโลกจึงสดใสทันทีสำหรับแอล

.

.

#5 สามสี่ปีก่อนเป็นช่วงที่อายุเพิ่งเข้าเลข 4 ก็พยายามฟิตออกกำลังกายทุกวัน

ด้วยการฝึกโยคะเช้าเย็น แต่หักโหมและฝืนร่างกายมากเกินไป

จนมีวันหนึ่งในระหว่างที่ฝึกอยู่ก็มีอาการปวดหลังมากๆ ก้มแทบไม่ได้เลย

ไปหาหมอ หมอก็ให้มาแค่ยาทาคลายกล้ามเนื้อ

แอลทั้งทายา ประคบร้อน แล้วก็ไปฝังเข็ม ใช้เวลากว่า 2 เดือนจึงหายเป็นปกติ

ทำให้ตอนนี้เพียงแค่ก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าได้โดยไม่ปวดหลังนี่ ก็รู้สึกดีได้ง่ายๆ แล้ว

.

.

#6 เมื่อหลายปีก่อนแอลเครียดมาก มีปัญหาทั้งเรื่องงานและเรื่องคน

รู้สึกจมดิ่ง ในหัวมีแต่เรื่องลบๆ ไม่มีความสุขเลย

แถมยังมีนิสิตมาปรึกษาเรื่องอาการซึมเศร้าอีก

แรกๆ ฟังก็เครียดมาก ร้องไห้ตามไปด้วยทุกครั้ง

.

แต่หลังจากพยายามฟื้นฟูสภาพจิตใจตัวเองด้วยวิธีต่างๆ

พยายามพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีพลังบวก

อยู่ใกล้ๆ และพูดคุยกับคนที่เราสบายใจที่จะอยู่ด้วย

ระบายความรู้สึกด้วยการเขียนไดอารี่

ฟังเรื่องบวกๆ ในยูทูปทุกเช้า

ใช้หินคริสตัลบำบัด

ใช้ aromatherapy บำบัดด้วยกลิ่นน้ำมันหอมระเหย

ออกกำลังกายให้เหงื่อออก

ใช้ดนตรี เสียงคลื่น เสียงป่า เสียงขันทิเบต บำบัดให้จิตใจผ่อนคลาย

.

หลังจากทำหลายสิ่งหลายอย่างผ่านไปสักพักแอลก็เริ่มตั้งสติได้

ค่อยๆ แยกแยะว่าอะไรที่เรา “แก้ได้” และอันไหนที่เรา “แก้ไม่ได้”

แล้วก็โฟกัสไปที่สิ่งที่แก้ได้เท่านั้น

.

เรื่องงานก็ขอคำปรึกษาจากคนอื่นๆ และเอาประสบการณ์ที่มีอยู่มาใช้ แล้วค่อยๆ แก้ไขไป

ส่วนปัญหาเรื่องคน มีคนแนะนำว่าให้พาตัวเองออกมาจากบรรยากาศลบๆ

เราแก้ที่คนอื่นไม่ได้ แต่เราแก้ที่ตัวเองได้

ก็เลยปรับที่ใจตัวเองแล้วค่อยๆ ปล่อยวาง

.

พอวางได้ จากที่ยิ้มไม่ออกเลยก็ค่อยๆ ยิ้มได้มากขึ้นเรื่อยๆ

และแม้จะมีนิสิตที่เป็นโรคซึมเศร้ามาขอคำปรึกษาอีกหลายครั้ง เราก็ไม่ได้ร้องไห้ไปกับเขาแล้ว

แต่สามารถรับฟัง ยิ้ม ให้กำลังใจ และทำให้เขามีรอยยิ้มกลับไปได้ด้วย

ครั้งหนึ่งเด็กคนนี้และเด็กอีกหลายคนบอกว่า เขาโชคดีที่มีแอลเป็นที่ปรึกษา

ทำให้แอลยิ้มแก้มปริ รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เพราะสิ่งที่เราทำนั้นเป็นประโยชน์กับคนอื่น

.

ทุกวันนี้วันไหนเบื่อๆ หรือมีเรื่องทุกข์ท้อใจ ก็จะมองย้อนกลับไป

มีอะไรมากมายที่เราผ่านมาได้

.

พอนึกถึงวันที่หายใจไม่ค่อยออก แต่วันนี้จมูกมันโล่ง

ก็รู้สึกขอบคุณที่วันนี้หายใจได้สบายๆ

.

พอนึกถึงวันที่เราแทบไม่ได้ยินอะไร แต่วันนี้หูเราเป็นปกติ

การตื่นมาตอนเช้าแล้วได้ยินเสียงนกร้อง เสียงเพลง หรือเสียงอะไรก็ตาม

ก็รู้สึกขอบคุณที่วันนี้หูของตัวเองยังได้ยินอยู่

.

พอนึกถึงวันที่เราเพิ่งผ่าตัด จะเดิน ไอ จาม หัวเราะ ก็ต้องระวังไปหมด

แต่วันนี้แผลหายสนิทแล้ว

ก็รู้สึกขอบคุณที่วันนี้เรายังเดินได้ กระโดดได้ จะไอ จาม หัวเราะ ก็ไม่เจ็บเหมือนตอนนั้นแล้ว

.

พอนึกถึงวันที่เราตาแห้งจนแสบและมองไม่ค่อยชัด

แต่วันนี้ลืมตาตื่นขึ้นมาตาไม่แห้งเหมือนแต่ก่อน แถมยังมองเห็นชัดกว่าเดิมด้วย

ก็รู้สึกขอบคุณที่วันนี้เรายังมองเห็นได้ชัดขนาดนี้

.

พอนึกถึงวันที่เราปวดหลังจนก้มไม่ได้ แต่วันนี้ก้มได้สบายๆ

ก็รู้สึกขอบคุณที่วันนี้หลังยังใช้การได้ดีอยู่

.

พอนึกถึงวันที่ทุกข์มากเครียดมาก แต่วันนี้ไม่ได้เจอปัญหาหนักแบบนั้น

ก็รู้สึกขอบคุณตัวเอง ขอบคุณคนรอบตัว ที่ช่วยให้เราผ่านเรื่องราวต่างๆ มาได้

ขอบคุณนิสิตที่ทำให้แอลได้รู้ว่าตัวเองมีประโยชน์กับคนอื่นๆ

ขอบคุณผู้คนที่ได้รู้จัก ได้พบเจอ แล้วมอบบทเรียนต่างๆ ให้

ช่วยให้แอลเติบโตมากขึ้น และเป็นคนที่เข้มแข็งกว่าเดิม

.

.

ถ้ามีคนมาถามว่า “อะไรคือสิ่งดีๆ ในชีวิต”

แอลก็คงจะตอบว่า

“สิ่งดีๆ ในชีวิตอาจเป็นแค่การที่ยังมองเห็นท้องฟ้า พระจันทร์ ดอกไม้บาน รอยยิ้ม ธรรมชาติรอบๆ ตัว

การที่ยังได้ยินเสียงเพลง เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ

ยังเดินได้ กระโดดได้

จมูกโล่ง หายใจสบาย

และการที่สามารถผ่านเรื่องราวต่างๆ มาได้ จนเป็นเราในวันนี้ที่เติบโตและเข้มแข็งมากขึ้น

ที่สำคัญคือ การได้รู้ว่าชีวิตจะสุขหรือทุกข์เพียงใดขึ้นอยู่กับมุมมองของเรามากกว่าสิ่งอื่นใด

.

และนี่คือสิ่งดีๆ ส่วนหนึ่งในชีวิตของแอล

.

แล้วคุณล่ะคะ สิ่งดีๆ ในชีวิตของคุณคืออะไร?

ถ้ายังนึกไม่ออก ลองนึกย้อนถึงเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาดูนะคะ

แล้วคุณก็อาจจะพบว่า

สิ่งดีๆ มีอยู่รอบตัว และอาจเป็นเรื่องง่ายๆ กว่าที่เคยคิดไว้ เพียงแค่ลองเปิดใจมอง.

การภาวนา

8 ช่องทางความสุข

ความสุขประเทศไทย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save