8 เส้นทางความสุข

Happy Dolls Project เติมรอยยิ้มให้ผู้คนด้วยตุ๊กตาจิตอาสา

เด็กดีต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ แต่บางครั้งคำพูดของผู้ใหญ่ที่ไม่ได้ตั้งใจอาจสร้างปมให้เด็กเบนเข็มทิศชีวิตไปอีกทางหนึ่งได้เช่นกัน ด้วยเพราะความไร้เดียงสาเด็กจึงมักฟังเสียงผู้ใหญ่มากกว่าเสียงตัวเอง

.

นงลักษณ์ พิทักษ์ธรรมนาถ หรือ “ลักษณ์” เป็นคนหนึ่งที่เคยมีปมวัยเด็กจากคำพูดของครูชั้นประถมซึ่งบอกว่า “เธอวาดรูปไม่สวยและไม่มีความคิดสร้างสรรค์” ความเสียใจทำให้นงลักษณ์เบนเข็มชีวิตถอยห่างจากงานศิลปะเข้าสู่เส้นทางสายงานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานนับสิบปี ทว่า เมื่อเดินไปจนสุดทาง ความสุขกลับเริ่มลดลง เธอจึงย้อนกลับมาฟังเสียงหัวใจตนเองเพื่อคลี่คลายปมในใจวัยเด็ก ก้าวผ่านความหวาดกลัวไปสู่ความกล้าหาญ ลงมือออกแบบตุ๊กตาตัวแรกมีรอยยิ้มกว้างเป็นเอกลักษณ์จนเด็กทุกคนที่ได้เห็นมักยิ้มตามไปด้วย เธอจึงตั้งชื่อตุ๊กตาที่ออกแบบจากความคิดสร้างสรรค์ของตนเองตัวแรกว่า “Happy Doll”

.

รอยยิ้มของเด็กน้อยทำให้ความเชื่อมั่นในการทำงานศิลปะที่หล่นหายไปคืนกลับมาอีกครั้ง รวมทั้งยังทำให้เธอกล้าลุกขึ้นมาเดินตามความฝันจัดกิจกรรมเย็บตุ๊กตาจิตอาสาเพื่อนำไปบริจาคเด็กด้อยโอกาสในนาม Happy Dolls Project มาตลอดเวลาเจ็ดปีด้วยเช่นกัน   ตุ๊กตารอยยิ้มกว้างจึงเป็นตุ๊กตาที่สร้างความสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับสมกับชื่อตุ๊กตาแห่งความสุขตามที่เจ้าของโครงการตั้งใจไว้อย่างแท้จริง

.

นงลักษณ์ พิทักษ์ธรรมนาถ ผู้ก่อตั้งโครงการ Happy Dolls ถ่ายภาพกับเด็กน้อย

.

ปมวัยเยาว์

ตอนอยู่ชั้น ป. 6 เราเจอปมชีวิตสองปม ปมแรก ครูศิลปะบอกว่า เราวาดรูปไม่สวย ตอนนั้นเสียใจมาก อีกปมหนึ่ง คือ ตอนชั่วโมงทำอาหาร เรามีหน้าที่ต้องหั่นผัก แล้วหั่นถั่วฝักยาวไม่เท่ากัน ครูพูดว่า ‘เธอช่างเป็นคนที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาซะเลย’ พอได้ยินประโยคนี้ก็ยิ่งไปตอกย้ำปมเดิม หลังจากนั้นเลยบอกตัวเองว่า สองสิ่งที่เราจะไม่จับเลยคือศิลปะกับความคิดสร้างสรรค์

.

ลักษณ์ หญิงสาวผมสั้นใส่แว่นตา บุคลิกคล่องแคล่ว เล่าย้อนปมอดีตวัยเยาว์ที่ทำให้เธอเบนเข็มไปเรียนสายบัญชีและทำงานอยู่บริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่นานถึงสิบปี จนกระทั่งเกิดความเครียดจากการทำงานต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ ทุกเดือน

.

“พอเริ่มเครียดจากงานจึงเริ่มนั่งวิเคราะห์ต่อว่าอยากทำอะไร เพื่อนก็ถามว่า เราชอบอะไร เราตอบว่า ชอบเย็บผ้า เพื่อนถามต่อว่า ชอบเย็บผ้า แล้วได้เย็บอะไรบ้างหรือยัง คำถามของเพื่อนเริ่มสะกิดใจเรา เป็นจุดเริ่มต้นที่ถามตัวเองว่า เราบอกว่าชอบเย็บผ้า แต่สิบปีผ่านไป เรากลับยังไม่เคยลงมือเย็บอะไรเลย”

.

หลังจากทนความเครียดจากการทำงานออฟฟิศไม่ไหว เธอจึงลาออกจากงานภาคธุรกิจและเบนเข็มไปทำงานสายพัฒนา หันหลังให้เมืองกรุง เริ่มต้นงานใหม่ที่พิพิธภัณฑ์ชาวเขาทางภาคเหนือ ชีวิตที่เคยตึงเครียดจึงเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น

.

“หลังจากเปลี่ยนงานเป็นสายพัฒนา  ชีวิตเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่งเลย รูปแบบการทำงานยึดหยุ่นมากขึ้น เริ่มเข้าไปใกล้ชิดงานเย็บปักถักร้อยชาวเขา แต่ทำงานอยู่ปีกว่าก็ยังไม่ได้เริ่มเย็บผ้าของตัวเองสักที”

เส้นทางชีวิตของอดีตสาวนักคอมฯ ค่อยๆ ก้าวเข้าสู่เส้นทางการผลิตตุ๊กตามากขึ้น เมื่อเธอเป็นหนึ่งในอาสาสมัครที่ลงไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิและนำผ้าบริจาคไปให้ผู้ประสบภัยเย็บแปลงร่างเป็นตุ๊กตาสึนามิเพื่อขายระดมทุน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ได้เป็นคนออกแบบและเย็บตุ๊กตาของตนเองสักที จนกระทั่งประมาณปี พ.ศ. 2550 ความฝันที่ค้างไว้เนิ่นนานจึงเริ่มใกล้เคียงความจริง

.

“ตอนนั้นเริ่มเบื่อการสมัครงานประจำ อยากลงมือทำตุ๊กตาของตนเองดูบ้าง เลยลองหัดวาดแบบด้วยตนเอง โดยที่ไม่เคยลงเรียนคอร์สการทำตุ๊กตามาก่อนเลย ทดลองทำผิดๆ ถูกๆ อยู่หลายรอบจนได้ตุ๊กตาตัวแรกที่พอใจ แล้วลองเอาไปทดสอบกับเด็กข้างบ้านอายุ 7 ขวบเพื่อดูว่าเด็กเห็นแล้วจะรู้สึกอย่างไร พอเห็นเด็กกรี้ดกร้าดชื่นชม เราก็ดีใจ เพราะเราไม่เคยทำมาก่อนเลย”

.

.

แววตาแห่งความสุขของเด็กน้อยทำให้ความเชื่อมั่นในการทำงานศิลปะที่หล่นหายไปในวัยเยาว์กลับคืนมาอีกครั้ง ปมอดีตในใจเริ่มคลี่คลายลงทีละน้อย แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่มีโอกาสได้เย็บตุ๊กตาอย่างจริงจังเพราะต้องกลับไปทำงานประจำที่สมัครทิ้งไว้อีกสองปีจนหมดโปรเจ็ค

.

ตอนนั้นอายุ 38 ปีแล้ว เริ่มอยากทำงานตุ๊กตาให้เป็นงานจริงจัง แต่ถ้าจะทำขายอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ตัวเรา เพราะอยากทำงานที่มีคุณค่ากับคนอื่นด้วย เลยตั้งชื่อตุ๊กตาว่า Happy Doll เพราะทำแล้วตัวเรา Happy และอยากกระจายความสุขต่อให้คนอื่นด้วย ถ้าสุขแล้วเก็บไว้ให้ตัวเองคนเดียวมันไม่พอ

.

สร้างรอยยิ้มด้วยตุ๊กตาจิตอาสา

ปี 2553 ณ งานวันเด็กบนดอยสูง จังหวัดเชียงราย ความฝันที่รอคอยมานานกว่าครึ่งชีวิตเริ่มกลายเป็นความจริง

“ตอนที่เริ่มคิดโปรเจ็คใกล้ถึงงานวันเด็กพอดี เราตั้งใจเย็บตุ๊กตาไปให้เด็กบนดอยที่เชียงราย เพราะมูลนิธิกระจกเงาที่เคยทำงานอยู่ด้วยจัดงานวันเด็กทุกปี ตอนนั้นเอาเงินเก็บมาซื้อผ้าและเย็บเอง 50 ตัว แถมยังเอาไปส่งที่เชียงรายด้วยตนเอง ไม่ได้คิดเรื่องรายได้อะไรเลย ตั้งใจทำแจกทั้งหมด”

.

ในงานวันเด็กปีนั้นเอง   ปมในใจวัยเยาว์ที่ฝังลึกมาเนิ่นนานได้ถูกมนต์วิเศษจากแววตาแห่งความสุขของเด็กน้อยช่วยคลี่คลายจนหมดสิ้น เธอเริ่มได้ยินเสียงหัวใจตัวเองและมองเห็นเส้นทางสู่ปลายฝันเบื้องหน้าชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

พอเห็นแววตาเด็กมีความสุข เรารู้สึกดีมากจนอยากขยายการเย็บตุ๊กตาที่เราออกแบบเองไปสู่คนอื่นด้วย แต่ไม่อยากเย็บคนเดียว 50 ตัว อยากทำมากกว่านั้นเพื่อกระจายความสุขให้คนอื่นมานั่งเย็บตุ๊กตาด้วยกัน

.

.

นับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา โครงการ Happy Dolls  เริ่มต้นอย่างจริงจัง โดยมีอดีตสาวนักคอมพิวเตอร์เป็นแม่ทัพใหญ่ในการจัดเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมด และทำงานในรูปแบบโครงการจิตอาสาร่วมกับมูลนิธิหรือองค์กรที่เป็นเจ้าภาพร่วมจัดกิจกรรม ใช้วิธีการระดมทุนจากคนทั่วไปเพื่อซื้ออุปกรณ์ หลังจากได้เงินครบตามจำนวนตุ๊กตาจึงเริ่มเปิดรับอาสาสมัครมาช่วยกันเย็บเพื่อส่งตุ๊กตาต่อไปให้เด็กด้อยโอกาส

“ตอนแรกเริ่มจากในกลุ่มเพื่อนก่อน โดยใช้แนวความคิดช่วยกันซื้อตุ๊กตาให้น้องๆ เราคำนวณต้นทุนตุ๊กตาแต่ละตัวออกมา แล้วกำหนดจำนวนแต่ละครั้งว่าจะทำ 200 ตัว ใครอยากช่วยบริจาคเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าเงินไม่พอก็ใช้เงินตนเองมาสมทบ”

.

กิจกรรมเย็บตุ๊กตาจิตอาสาเปิดตัวครั้งแรกที่สวนโมกข์กรุงเทพ ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปมากจนตุ๊กตาเกือบไม่เพียงพอกับจำนวนอาสาสมัคร หลังจากนั้นเป็นต้นมาโครงการนี้จึงได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องทั้งจากมูลนิธิและองค์กรธุรกิจที่ต้องการสร้างจิตอาสาให้กับพนักงานในการแบ่งปันสิ่งดีๆ สู่สังคม ทว่า เมื่อปริมาณอาสาสมัครเพิ่มมากขึ้น ปัญหาใหม่ที่ตามมาให้แก้ไข คือ การควบคุมคุณภาพตุ๊กตาให้ได้มาตรฐานท่ามกลางอาสาสมัครที่มีความสามารถแตกต่างกัน หัวหน้าโครงการตุ๊กตาสรุปวิธีการแก้ปัญหาให้ฟังว่า

.

“ตอนนี้เราลดขั้นตอนลง เนื่องจากอาสาสมัครบางคนเย็บตุ๊กตาไม่เป็นทำให้ไม่สามารถควบคุมเวลาในการทำกิจกรรมให้เสร็จตามเป้าหมายได้  เราจึงแก้ปัญหาด้วยการจ้างคนที่เย็บผ้าเป็นช่วยเย็บตัวตุ๊กตาไว้ให้   ส่วนขั้นตอนยัดนุ่นกับเย็บปิดด้วยมือเราให้อาสาสมัครช่วยเย็บ ทำให้เราควบคุมเวลากับคุณภาพของงานได้ดีขึ้น”

.

หลังจากโครงการ Happy Dolls เริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้น จำนวนอาสาสมัครที่สนใจเข้าร่วมจึงมากขึ้นตามไปด้วย โอกาสที่เด็กๆ จะได้รับตุ๊กตายิ้มกว้างจึงไม่ได้มีแค่เด็กในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปสร้างรอยยิ้มให้เด็กที่ประสบภัยแผ่นดินไหวในประเทศเนปาล  รวมทั้งเป็นของเล่นให้กับเด็กๆ ในประเทศเพื่อนบ้านลาว พม่า ขยายต่อไปจนถึงเด็กลี้ภัยสงครามซีเรีย ทั้งที่พักอาศัยชั่วคราวในประเทศไทย และสวีเดน

.

ตอนนั้นเราผลิตตุ๊กตาฝากมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคมและมูลนิธิกระจกเงาซึ่งเดินทางไปช่วยฟื้นฟูหลังประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล  พอเจ้าหน้าที่กลับมาก็เล่าให้ว่า ‘ตุ๊กตาของพี่ทำให้เมืองยิ้มได้นะ’  เพราะตอนนั้นเมืองเต็มไปด้วยความโศกเศร้า พอเด็กได้รับตุ๊กตาของเรา เด็กเริ่มมีรอยยิ้ม ผู้ใหญ่เลยยิ้มตามไปด้วย ตุ๊กตาของเราเลยกลายเป็นใบเบิกทางให้ทำงานเก็บข้อมูลง่ายขึ้นไปด้วย

.

ตลอดเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา ตุ๊กตายิ้มกว้างเดินทางไปสร้างรอยยิ้มให้เด็กน้อยมากมายหลายพื้นที่ หนึ่งในนั้นคือ ผู้ป่วยเด็กเรื้อรังตามโรงพยาบาล แม้ว่ากระบวนการนำตุ๊กตาเข้าไปบริจาคในโรงพยาบาลจะต้องผ่านการตรวจสอบไม่ให้เป็นอันตรายและไม่เพิ่มโรคภัยให้กับเด็ก แต่ด้วยความใส่ใจคุณภาพทุกขั้นตอนทำให้ตุ๊กตา Happy Dolls ผ่านการตรวจสอบและสามารถส่งมอบความสุขให้เด็กป่วยเรื้อรังได้ในที่สุด ภายใต้การนำทางของโครงการโรงพยาบาลมีสุข มูลนิธิกระจกเงา  ลักษณ์เล่าถึงเหตุผลที่อยากบริจาคตุ๊กตาให้เด็กที่นอนป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาลว่า

.

“เด็กเหล่านี้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างน้อยสองอาทิตย์ เรารู้สึกว่าเตียงคนไข้เหมือนกรงขัง เห็นเด็กไม่มีเพื่อนเล่น เลยอยากเอาตุ๊กตาไปให้เป็นเพื่อน”

ด้วยเพราะจุดเด่นของตุ๊กตา Happy Dolls คือ มีรอยยิ้มกว้างบนหน้า ใครเห็นจึงมักยิ้มตามไปด้วยไม่เว้นแม้แต่ผู้ใหญ่ หลังจากลักษณ์หิ้วตุ๊กตาเดินเข้าออกโรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง วันหนึ่งเธอก็ได้พบกับพยาบาลผู้กล้าเดินเข้ามาถามว่า “พี่ขอตุ๊กตาบ้างได้ไหม”

.

เราฟังแล้วดีใจ เพราะไม่เคยคิดว่า ผู้ใหญ่จะอยากได้เหมือนกัน เลยสัญญาว่างวดหน้าจะเย็บมาให้พยาบาลโดยเฉพาะเลย

.

นับจากนั้นเป็นต้นมาตุ๊กตารอยยิ้มกว้างจึงไม่ได้มอบความสุขเพียงแค่เด็กป่วยเท่านั้น หากยังถูกส่งมอบไปเป็นกำลังใจให้กับพยาบาลตามโรงพยาบาลหลายแห่ง ความสุขจากการได้รับตุ๊กตาจึงกระจายอบอวลไปทั่วโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว

.

จากจุดเริ่มต้นตุ๊กตาตัวแรกมาจนถึงวันนี้นับเป็นเวลาเจ็ดปีแล้วที่ตุ๊กตา Happy Dolls ส่งผ่านกระจายความสุขไปให้เด็กและผู้ใหญ่ทั้งในและนอกประเทศไทยมากมายหลายพันตัว ความสุขที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่ผู้ได้รับตุ๊กตาเท่านั้น เพราะในฐานะคนเย็บตุ๊กตาแล้ว ความสุขใจจากการเป็นผู้ให้ย่อมมากมายไม่แพ้กัน

.

ตุ๊กตา Happy Dolls สร้างรอยยิ้มให้ทั้งเด็กป่วยและพยาบาล

สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ

คนส่วนใหญ่มักมองว่าการทำงานจิตอาสาเป็นการทำเพื่อผู้อื่นมากกว่าการทำเพื่อตนเอง ทว่า ในความจริงแล้ว การทำงานจิตอาสาไม่ได้มีแค่มิติของการให้ผู้อื่นเท่านั้น หากยังมีมิติของการพัฒนาจิตใจของอาสาสมัครให้เติบโตเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ลักษณ์มองเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงใช้กระบวนการเย็บตุ๊กตา Happy Dolls เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ตรงที่เธอสามารถคลี่คลาย ‘ปมด้อย’ ในวัยเยาว์จนกลายเป็น ‘ปมเด่น’ สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้ฟังเสียงหัวใจตนเองและก้าวเดินไปจนสุดปลายทางแห่งความฝันเช่นเดียวกับเธอ

.

ถ้าเราเจอผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีปมคล้ายๆ กับเรา  เราจะให้กำลังใจว่า แต่ละคนอาจมีมาตรฐานความสวยของตนเองไม่เหมือนกัน แต่ในมุมมองของเด็ก ตุ๊กตาสวยทุกตัว เด็กทุกคนที่รับไปยิ้มและมีความสุขได้นะ

เรามักยกตัวอย่างตัวเองว่า เราเคยเป็นสาวออฟฟิศคนหนึ่งที่เริ่มจากจุดเล็กๆ ที่เราชอบ แล้วอยากทำต่อเพื่อสังคม ไม่ต้องทำตุ๊กตาหรือมีชุดความคิดใหญ่ก็ได้ แต่เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่อยากทำ เราจะเชียร์คนที่มาร่วมกิจกรรมกับเราว่า ไปทำอะไรให้สังคมก็ได้ และหัดฟังเสียงตัวเองที่เป็นบวกมากกว่าเสียงคนอื่น

.

.

ท่ามกลางชีวิตสังคมเมืองอันวุ่นวาย อาสาสมัครบางคนเลือกเข้ามาร่วมกิจกรรมเย็บตุ๊กตาจิตอาสาเพราะอยากมีเวลาพักใจตนเอง และได้รู้สึกดีกับการแบ่งปันสู่สังคม บางคนอาจลงนั่งเย็บตุ๊กตาพร้อมกับปัญหาชีวิตที่กำลังหาทางออกไม่เจอ แต่เมื่อได้จับเข็มเย็บผ้าจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า ความทุกข์ใจก็ถูกพักวางทิ้งไว้ชั่วคราว เมื่อจบการทำกิจกรรม หัวใจที่โปร่งเบาจึงเริ่มมองเห็นหนทางเดินต่อไปที่ชัดเจนมากขึ้น กิจกรรมเย็บตุ๊กตาจึงเปรียบเสมือนช่วงเวลาแห่งการเยียวยาหัวใจคนเย็บตุ๊กตาด้วยเช่นกัน

.

“การมานั่งทำอะไรชิ้นหนึ่งนานๆ สามสี่ชั่วโมง เราจะมองเห็นตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน ล่าสุดมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่า ‘ตอนนั่งนิ่งๆ ทำตุ๊กตา จู่ๆ หนูก็เจอทางออกของปัญหาที่กำลังไม่สบายใจ’ เราคิดว่าชีวิตคนเราถ้าทำอะไรเร็วๆ ตลอดเวลา เราจะไม่มีเวลาถามตัวเอง ฟังเสียงตัวเอง การใช้ชีวิตให้ช้าลง เราจะได้ยินเสียงตัวเองชัดขึ้น และมีความสุขกับชีวิตง่ายขึ้น จนทุกคนสามารถมีความสุขในชีวิตประจำวันได้”

.

กิจกรรมเย็บตุ๊กตาจิตอาสา

.

หลังจากโครงการ Happy Dolls เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น   หลายคนจึงเริ่มมีแรงบันดาลใจในการเย็บตุ๊กตาเพื่อบริจาคให้เด็กด้อยโอกาสโดยริเริ่มโครงการในชื่ออื่นๆ หรือตุ๊กตารูปแบบแตกต่างกันไป แต่สำหรับตุ๊กตายิ้มกว้างเป็นเอกลักษณ์แล้ว ใครเห็นจะรู้ได้ทันทีว่าเป็นตุ๊กตาในโครงการ Happy Dolls ซึ่งลักษณ์เป็นคนออกแบบจากความสร้างสรรค์ของเธอเอง เมื่อจู่ๆ วันหนึ่งมีคนมาบอกเธอว่า ตุ๊กตาที่เธอออกแบบมีหน้าตาเหมือนกับตุ๊กตาของอีกโครงการหนึ่ง   แวบแรกที่ได้ยิน เธอยอมรับว่า “ตัวตน” ของเธอกำลังถูกทดสอบด้วยความรู้สึกบางอย่าง ทว่า หลังจากก้าวข้ามแรงยึดติดในตัวตนไปได้ หัวใจของเธอก็รู้สึกโปร่งเบาอย่างมีอิสระอีกครั้ง

.

ถ้าคิดในมุมมองคนออกแบบ เราย่อมเสียความรู้สึกเพราะโดนลอกเลียนแบบ แต่ถ้าคิดในมุมของเด็ก ทุกคนมีความสุขที่ได้รับตุ๊กตาจากผู้ตั้งใจทำให้ พอคิดแบบนี้ปุ๊บ เรารู้สึกปลดปล่อยเลย เพราะเราเองไม่มีทางทำตุ๊กตาแจกเด็กทั้งโลกได้ ใครอยากทำก็ทำเถอะ เพราะสุดท้ายเด็กก็มีความสุขเหมือนกัน

.

หลังจากก้าวข้ามทะเลใจของตนเองไปได้แล้ว ลักษณ์ยังสามารถเปลี่ยนมุมมองจาก “ความเสียใจ” เป็น “ความภูมิใจ”  แปรผัน “แรงยึดติดตัวตน” สู่ “แรงบันดาลใจ” ให้ผู้อื่นก้าวเดินตามอย่างมีความสุข

“พอเราก้าวข้ามจุดนี้ไปได้ รู้สึกเบาเลย พอมองต่อไปว่า เราควรจะดีใจด้วยซ้ำที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นอยากทำเหมือนเรา เราค้นพบความสุขระหว่างที่เราทำงาน ถ้าคนอื่นทำแล้วมีความสุขก็เป็นเรื่องที่ดีมาก เป็นสิ่งดีงาม อยากให้มาทำกันเยอะๆ เลย ถ้าใครสามารถออกแบบตุ๊กตาในสไตล์ของตัวเองได้ก็จะยิ่งดีเพราะคุณจะยิ่งรู้สึกภูมิใจที่เห็นเด็กถือตุ๊กตาที่คุณออกแบบ และเด็กๆ จะได้มีตุ๊กตาน่ารักๆ หลากหลายรูปแบบไว้เล่น โลกนี้ก็จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มเพิ่มมากขึ้น”

.

จวบจนวันนี้นับเป็นเวลาเจ็ดปีแล้วที่ลักษณ์ก้าวเดินบนเส้นทางของตนเองอย่างมีความสุข แม้ว่าจะเคยถูกปมด้อยหันเหเส้นทางให้เป็นสาวออฟฟิศอยู่นานนับสิบปี แต่เมื่อย้อนมองกลับไปแล้ว เธอกลับไม่เคยรู้สึกเสียดายวันเวลาเหล่านั้น เพราะทุกอย่างในชีวิตคือการเรียนรู้เพื่อการเติบโตเป็นตัวเธอในวันนี้

.

เราไม่เคยรู้สึกว่าที่ผ่านมาเราหลงทางไปเป็นคนทำงานออฟฟิศมาก่อน เพราะคนเราสามารถเรียนรู้จากสิ่งที่ไม่ชอบก็ได้ แต่ละคนมีเส้นทางการเรียนรู้ไม่เหมือนกัน จุดดีในสิ่งที่เราดูเหมือนไม่ชอบก็มีอะไรที่เป็นประโยชน์กับชีวิตมากมาย อย่างตอนทำงานกับบริษัทคอมฯ ก็ช่วยให้เรารู้จักการทำงานเป็นระบบ ถ้าเราไม่เคยมีการเรียนรู้เรื่องนี้ เราก็จะหลงทางไปมากกว่านี้ก็ได้

.

ตรงกันข้าม เธอยังมองเห็นความโชคดีของชีวิตที่มีโอกาสก้าวเดินบนถนนสองสาย ทั้งสายงานออฟฟิศและงานสายพัฒนามาก่อนจะเริ่มโครงการ Happy Dolls เพราะนั่นทำให้เธอได้เรียนรู้การมองโลกที่แตกต่างกัน

.

ช่วงทำงานพัฒนาเจอคนเยอะขึ้น เราจึงเริ่มเห็นมิติของความงามที่แตกต่างกัน คนทุกคนมีมุมสวยของตนเอง ไม่จำเป็นต้องสวยมาตรฐาน แล้วเราก็เริ่มปลดล็อคจากการฟังเสียงคนอื่น หันมาฟังเสียงตนเอง เริ่มหยิบดินสอมาวาดรูปตุ๊กตาในแบบของตนเอง จนตอนหลังยังแอบขำที่มีคนเข้าใจผิดว่าเราเรียนสายอาร์ต (พูดแล้วหัวเราะ) รู้สึกว่า เราเสพความงามในมุมมองที่กว้างขึ้น ทุกวันนี้มองความสวยกว้างมาก แล้วก็มีความสุขง่ายขึ้น ไม่ต้องฟังเสียงคนอื่นที่มาวิพากษ์วิจารณ์เรามากนัก ยิ่งทำงานไป เราก็ได้ยินเสียงตัวเองชัดขึ้น”

.

ขอบคุณภาพประกอบจากเพจ Happy Dolls Project มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

งานจิตอาสา

8 ช่องทางความสุข

ความสุขประเทศไทย
PDPA Icon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save